น้ำเต้าหู้เป็นอาหารเช้ายอดนิยม ที่คงต้องมีหลายๆคนดื่มกันเป็นประจำ เพราะดีต่อสุขภาพ ได้โปรตีนจากถั่วเหลือง พูดถึงน้ำเข้าหู้-เต้าฮวย ใคร ๆ ก็รู้จัก เพราะนิยม
รับประทานกันทุกวัน ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งผู้ใหญ่ โดยเฉพาะน้ำเต้าหู้-เต้าฮวย ซึ่งทำจากถั่วเหลือง เป็นที่ยอมรับของนักโภชนาการสมัยใหม่ว่า มีคุณค่าทาง
โภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างอเนกอนันต์ ว่ากันว่าให้สารโปรตีนทื่มีคุณภาพเทียบเท่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์ แต่มีข้อดีกว่าคือ มีไขมันและ
แคลอรีต่ำ ยังอุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ เช่น วิตามิน บี แคลเซียมโพแทสเซียม เหล็ก ฯลฯ
ภาพจาก webboard.sanook.com
มาว่ากันที่เรื่องการลงทุน จะต้องซื้อ อุปกรณ์ เช่น เครื่องปั่น หม้อ ฯลฯ และยังต้องมีรถเข็น 1 คัน ซึ่งตรงนี้สำหรับคนที่มีทำเล
เช่น ขายหน้าบ้าน อาจจะจำเปน แต่ก็ต้องมีหม้อต้มแบบเดียวกับหม้อต้มน้ำก๋วยเตี๊ยว สามารถหาซื้อได้ทั่วไป อย่างไรก็ดี รถเข็นจะทาให้สะดวกในการ
เคลื่อนย้ายหรือเก็บของได้ดีกว่ากัน
ส่วนเรื่องการซื้อวัตถุดิบ ก็หาซื้อตามท้องตลาดทั่วไป แต่ควรหาจากแหล่งซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ราคาไม่แพงนัก และควรมีของครบจะได้ไม่
เสียเวลาไปซื้อหลายแห่ง เรื่องการปรุงรสชาติความอร่อย หรือวิธีการทำน้ำเต้าหู้-เต้าสวย ทำไม่ยากถ้าอยากจะทำ พูดถึงกรรมวิธีการทำน้ำเต้าหู้และเต้าฮวย การลงทุนก็ใช้เงิน
น้อย และหาซื้อวัสดุอุปกรณ์ก็ไม่ยิ่งยาก ที่จำเป็นหลัก ๆมี ดังนี้
1.เครื่องปั่นน้ำเข้าหู้ หรือเครื่องโม่
2. เตาแก๊ส ไว้สำหรับต้มน้ำเข้าหุ้นและต้มน้ำขิง ควรมีสัก 2 เตา เป็นอย่างน้อย เพราะจะต้องทำให้เสร็จ
ในเวลาจำกัด และต้องต้มอย่า้ใอื่นด้วย
2.หม้อ จะมีหม้อสำหรับใช้ต้มน้ำเข้าหู้และเต้าฮวย(เติมน้ำขิง)้ ซึ่งต้องแยกคนละใบ ให้ดูขนาด่พอเหมาะและหม้อต้มอื่น ๆ
3.ผ้าขาวบาง ไว้สำหรับกรองน้ำเต้าหู้ซึ่งต้องแยกกับผ้าที่ใช้กรองน้ำขิงเพื่อทำน้ำเต้าฮวย
ควรมีหม้อต้มเพื่ออุ่นน้ำเต้าหู้ให้ร้อนอยู่ตลอดเวลา
วัตถุดิบในการทำน้ำเข้าหู้ มีถั่วเหลืองเป็นหลัก นอกจากนั้น มีน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว
รวมทั้งเครื่องเคียง เช่น สาคูเม็ดใหญ่ วุ้น ลูกเดือย ฯลฯ
ส่วนวัสดุที่ใช้ทำเต้าฮวย ประกอบด้วย ขิง เต้าหู้อ่อน น้ำตาลทรายขาว
น้ำตาลทรายแดง และปาท่องโก๋ตัวเล็ก
วิธีการทำน้ำเข้าหู้
1.ใช้ถั่วเหลือง ประมาณ 1 กิโลกรัม มาแช่น้ำนานอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หลังจากนั้น นำมาเข้าเครื่องปั้นแล้วเอามากั้นน้ำแบบเดียวกับคั้นกะทิ ซึ่งตรงนี้ต้องพิถีพิถันกันเป็นพิเศษ
คือเครื่องมืออุปกรณ์ทีใช้ต้องใสะอาดจริง ๆ เพราะถ้าไม่สะอาดแล้วน้ำเข้าหู้จะเสีย หรือบูดได้ง่าย
2.เสร็จแล้วก็เอามาต้ม ประมาณ 45 นาทีซึ่งจะให้เข้มข้นขนาดไหนก็อยู่ที่ปริมาณของถั่วเหลืองและการผสมน้ำ ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละเจ้า ถึง
เคล็ดลับควรใช้ถั่วลิสง 1 ช้อนโต๊ะ นั้นรวมกับถ่วเหลือง ซึ่งถือว่าจะเป็นการดับกลิ่นและเพิ่มความหอมมันให้น่ารับประทาน
3.ต้มสาคู เคี่ยววุ้น หรือต้มลูกเดือย เตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ
วิธีทำเต้าฮวย
1.เริ่มจากการทำน้ำขิงก่อน ใช้ขิงแก่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ อาจจะใช้วิธีการทุบก็ได้
2.เสร็จแล้วก็นำไปต้มใส่น้ำพอสมควรดูให้มีความเข้มข้นตามความต้องการ ซึ่งการต้มน้ำขิงอาจจะต้มได้น้ำถึง 2 ครั้ง ถ้าเป็นขิงที่แก่จัดจริง ๆ ขั้นตอนนี้ไม่ยาก แต่ที่จะ
ยากคือ การทำเต้าหู้อ่อน เหมือนการคั้นน้ำกะทิที่จะต้องมีการเก็บหัวกะทิไว้ส่วนหนึ่ง เต้าหู้อ่อนก็เช่นกัน นำส่วนที่เรียกว่าหัวไปผสมกับแป้ง(แป้งมี ๒ ชนิด คือ แป้งเต้าหู้และแป้งมัน จะใช้แป้ง
ชนิดไหนก็ได้ คุณภาพพอ ๆ กัน) และผสมกับเจี๋ยกอ(หินอ่อนที่บดละเอียด ใช้เพียงนิดเดียวเพื่อให้เข้าหู้จับ
ตัว) คนให้เข้ากันและกรองเอากากออกให้หมด
3.จากนั้นก็เอามาต้ม เมื่อต้มได้จนเข้มข้นพอสมควรก็เอามาเทลงในภาชนะ ซึ่งตรงนี้ต้องค่อย ๆ เท และถ้าเทไมดีคุณภาพที่ได้อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร คือเต้าหู้อ่อนจะไม่จับตัวเป็น
เนื้อ เดียวกัน
**พึงระวัง การทำน้ำเข้าหู้และเต้าฮวย แรก ๆ อาจจะได้คุณภาพไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แต่เมื่อทำสัก 2-3 ครั้ง ก็จะทำให้มีประสบการณ์ และทำได้ดีไม่ยากสิ่งที่อยากจะเน้นคือ
อุปกรณ์ เช่น หม้อต้มน้ำเข้าหู้ หรืออุปกรณ์อย่างอื่น ๆ ไม่ควรใช้ร่วมกันอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะของคาวและของหวาน เพราะจะทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลงได้
เรื่องเวลาในการขาย ก็อาจจะขายช่วงเช้าหรือช่วงเย็นก็ได้ โดยปกติคนมักจะนิยมรับประทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารเสริม และควรขายวันละอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
เหมาะเป็นการทำอาชีพเ์สริมสำหรับคนที่มีเวลาน้อย ยอดขายควรได้วันละ 500-700 บาท ขึ้นไป ซึ่งกำไรจะตกวันละ 300-500 บาท ตกเดือนหนึ่งกำไรไม่น่าจะน้อยกว่า10,000 บาทเลยทีเดียว