10/23/2012
ขายข้าวไข่เจียว ทำง่าย กำไรดี
ไข่เจียว เมนูอร่อยที่ทำง่าย ทานง่าย คุณคงจะเคยเห็นรถพ่วงมอเตอร์ไซค์ หรือร้านขายข้าวไข่เจียวอย่างเดียว แต่เมนูนั้นมีหลายหลากให้เลือกชิม เช่น ไข่เจียวปูอัด ไข่เจียวแฮม ไข่เจียวหมูสับ ลูกค้าก็อยากลองชิมเมนูแปลกๆ ทำให้ข้าวไข่เจียวนั้นขายได้ และกำไรก็ดีด้วย
ต้นทุนขายข้าวไข่เจียวแบบธรรมดา
1. ไข่ไก่ฟองละ 3 บาท ใช้ครั้งละ 2 ฟอง
2. ค่าเครื่องปรุงและแก๊สหุงต้ม ปะมาณ 4 บาท
3. ต้นทุนรวม 10 บาท
ราคาขายต่อจาน 20 บาท
กำไร จานละ 10 บาท เรียกได้ว่า 100% เลยทีเดียว และถ้าส่วนผสมเปลี่ยนไปต้นทุนจะเพิ่ม แต่ราคาขายก็จะเพิ่มขึ้น เป็นจานละ 25-30 บาท
ข้าวไข่เจียวมีสูตรมากมาย วันนี้จะขอยกตัวอย่างบางสูตร
สูตรข้าวไข่เจียวสูตรที่ 1 ไข่เจียวกุ้งสด
ส่วนผสม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
เกลือป่น พริกไทย นมสด อย่างละนิดหน่อย
ผงฟู ½ ช้อนชา
กุ้ง 2 ตัว
วิธีทำ
1. ทำความสะอาดกุ้ง แยกหัวออกจากตัว แล้วแกะเปลือกกุ้งออก ผ่ากุ้งออกเป็น 2 ส่วน
จะได้กุ้ง 4 ชิ้น ส่วนหัวกุ้งให้แกะเอามันกุ้งออกมา เพื่อจะได้นำไปผสมตีพร้อมไข่ไก่
2. ตีไข่ได่รวมกับมันกุ้งและใส่พริกไทย นมสด ผงฟู ตีทั้งหมดให้เข้ากัน
3. ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน เมื่อร้อนได้ที่ก็เอาไข่ที่ตีไว้แล้วลงไป แล้วรีบวางชิ้นกุ้งที่เตรียมไว้ลงไปบนหน้าไข่ด้วย เมื่อสุกแล้ว ก็เสิร์ฟได้เลย
สูตรข้าวไข่เจียวสูตรที่ 2 ไข่เจียวชีส
ส่วนผสม
เห็ด นางฟ้า
(หรือเห็ดอื่นๆ ) 100 กรัม
เนยสดซนิดเค็ม 1/4 ถ้วยตวง
หอมใหญ่สับ 1 ช้อนชา
ชีทขูดเป็นเส้น 30 กรัม
ไข่ไก่ 3 ฟอง
นมสดหรือครีมสด 3 4 ซ้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ
2. พอกระทะร้อน นำเห็ดลงไปผัดกับหอมใหญ่สับ ปรุงรสด้วยเกลือป่นและพริกไทยป่น ตักขึ้นพักไว้
3. นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยสดที่เหลือพอร้อน
4. นำไข่ไก่ตีให้เข้ากันกับนดสดหรือครีมสด ใส่ลงในกระทะ คนให้ข้นแล้วกระจายไข่ให้ทั่วกระทะ
5. ลดไฟอย่าให้ไข่ไหม้หรือเหลืองเกินไป ตักเห็ดที่ผัดแล้วโรยหน้าด้วยชีทขูด ตักใส่จานหรือกล่องข้าวแล้วเสิร์ฟ
สูตรข้าวไข่เจียวสูตรที่ 3 ยำไข่เจียวโหระพา
ส่วนผสม
1. ไข่ไก่ 2 ฟอง
2. โหระพา ¼ ถ้วย
ส่วนผสมน้ำยำ
1.พริกขี้หนูโขลกละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
2. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
3. กระเทียมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
6. ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน ¼ ถ้วยตวง
นำส่วนผสมน้ำยามาคลุกเคล้าให้เข้ากัน
วิธีทำ
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช ใช้ไฟปานกลางพอร้อน นำใบโหระพาครึ่งหนึ่งลงทอดให้กรอบ ตักขึ้นพักไว้
2. ตีไข่ไก่ให้ขึ้นฟู ใส่ใบโหระพาที่เหลือตีให้เข้ากัน นำลงทอดในกระทะน้ำมันร้อนๆ เจียวให้เหลืองกรอบ
3. นำไข่เจียว ใบโหระพาและขึ้นฉ่ายมาหั่นใส่ชาม แล้วราดด้วยน้ำยำ เคล้าให้ทั่ว จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยโหระพาทอดกรอบ
ยังมีสูตรไข่เจียวอีกมากมาย สำหรับคนที่สนใจจะขายข้าวไข่เจียวได้ลองทำกันดู เพราะกำไรดี ทำง่าย ใช้เป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักเลยก็ได้
Labels:
ขายข้าวไข่เจียว ทำง่าย กำไรดี
10/16/2012
อาชีพสร้างผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว
อาชีพนี้นั้นจัดได้ว่า เป็นงานที่ขายไอเดีย เพราะว่านำวัสดุใกล้ตัวอย่างมะพร้าว ที่อาจลืมไปว่านอกจากลูกมะพร้าวที่กินน้ำ กินเนื้อ และทำกะทิแล้ว ลูกมะพร้าวก็ยังสามารถเอามาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่สวยงามได้อีกด้วย เช่น โคมไฟสวยๆ ตุ๊กตา แต่คนที่จะประดิษฐ์ได้ ต้องมีความอดทนในการผลิต และมีความคิดสร้างสรรค์อีกด้วยค่ะ และผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าวมีอายุการใช้งานที่นาน นอกจากนั้นกะลามะพร้าวก็ถือได้ว่า เป็นผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น และขอการสนับสนุนส่งเสริมจากรัฐบาล ถึงขั้นส่งออกได้เลยทีเดียว
10/15/2012
อาชีพขายขนมปั้นขลิบไส้ปลา
ปั้นขลิบไส้ปลานั้นเป็นการนำเนื้อปลามาประยุกต์ใช้เป็นไส้ขนม แล้วเอาแป้งมาปั้นให้เป็นขนม ทำเป็นอาหารว่าง และขายเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ก็ได้ค่ะ เนื่องจากใช้เงินทุนไม่สูงมาก อุปกรณ์ก็ใช้ในครัวเรือนได้
เงินลงทุน
เงินลงทุนเบื้องต้น 5,000 บาท
รายได้ : ชุดละ 40 บาท
กำไร : ประมาณ 30 % ของยอดขาย
แหล่งขาย
สามารถขายได้ในแหล่งชุมชน และแหล่งที่คนพลุกพล่าน เช่น หน้าโรงเรียน ตลาดสด เปิดท้ายขายของ เป็นต้น
กลุ่มลูกค้า
คนที่นิยมรับประทานขนม ทุกเพศทุกวัย
อุปกรณ์
1. ชาม
2. ที่นวด
3. กระทะ
4. กระดาษซับน้ำมัน
5. เคาน์เตอร์ คีออส หรือโต๊ะสำหรับวางขาย
วัตถุดิบและเครื่องปรุง
1. แป้งสาลีสำเร็จรูป 2 ถ้วยวง
2. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมัน 6 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือ 1/3 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำปูนใส 2 ½ โต๊ะ
7. ไข่แดง 2 ฟอง
เครื่องสำหรับทำไส้ปลา
1. ถั่วลิสง 1 ถ้วยตวง
2. หอมใหญ่ 5 หัว
3. ปลาบด 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลปี๊บ 5 ช้อนโต๊ะ
5. หัวผักกาดหวานสับ 1 ช้อนโต๊ะ
6. รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
7. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
8. พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ
9. ซีอิ๊วขาว ½ ช้อนชา
10. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
ขั้นตอนในการขนมปั้นขลิบไส้ปลา
1. ผัดไส้ปั้นขลิบ โดยตั้งกระทะน้ำมัน พอน้ำมันเริ่มร้อน ใส่รากผักชีที่โขลกละเอียด ตามด้วยเนื้อปลาบด ผัดให้สุก อย่าให้เนื้อปลาติดกัน ใส่หัวผักกาดหวานสับ น้ำตาลปี๊บ ผัดจนน้ำตาลละลายเข้ากัน เติมซีอิ๊วขาวผัดต่อพอแห้ง แล้วใส่ซีอิ๊วดำ ใส่ถั่วลิสงผัดให้เข้ากันจนแห้ง ตักขึ้นใส่ถ้วยพักไว้
2. ผสมแป้งสาลีกับแป้งข้าวเจ้า นวดให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำปูนใส สลับกับน้ำมันพืช นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนแป้งไม่ติดมือ
3. โรยแป้งสาลีลงบนที่รีดแป้งเล็กน้อย เพื่อเวลารีดแป้งจะได้ไม่ติด จากนั้นนำแป้งไปวางบนที่รีด แล้วรีดแป้งให้เป็นแผ่นบางๆ แล้วกดแป้งให้เป็นแผ่นกลมเล็กๆ
4. ปั้นไส้ที่ผัดไว้ให้เป็นก้อนกลมเล็กๆ ใส่ลงไปที่แป้ง พับครึ่งอย่าให้ไส้ล้นออกมา กดริมให้ติดกัน จับริมให้สวยงาม นำไปทอดให้เหลือง ใส่ถุงให้สวยงาม
ไขเคล็ดลับอาชีพขายปั้นขลิบไส้ปลา
1. ปรับปรุงสูตรไส้เพิ่มขึ้น เช่น ไส้ถั่ว ไส้เห็ด ไส้เผือก เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค
2. การนวดแป้งจะต้องพักไว้ให้แป้งอิ่มตัว และเวลาคลึงแป้งสำหรับห่อ ควรคลึงให้บางเสมอกัน เวลาทอดจะได้สุกทั่วกัน
3. การทอดต้องใช้น้ำมันมาก ไฟปานกลาง และขณะทอดควรคนบ่อยๆ เพื่อทุกชิ้นสุกเท่ากัน
4. ไส้ต้องผัดให้แห้ง แป้งจะได้กรอบ และเก็บไว้ได้นาน
อาชีพขายปั้นขลิบไส้ปลา เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ ใครอยากลองทำก็ศึกษาข้อมูลดูนะคะ
Labels:
อาชีพขายขนมปั้นขลิบไส้ปลา
10/13/2012
อาชีพขายขนมปุยฝ้าย ขนมมงคล ลงทุนน้อย ขายง่าย
อาชีพการขายขนมมงคลหรือขนมปุยฝ้าย นั้นเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจ ทำง่าย และทำขายกันได้ในยามว่าง วิธีการทำไม่ยาก มาลองดูกันค่ะ
เงินลงทุน
การลงทุนเบื้องต้น : 8,000 บาท
เงินทุนหมุนเวียน ประมาณ 1,000 บาท
ราคาขาย : ชิ้นละ 5 บาท
กำไรหลังหักต้นทุน : ประมาณ 40 % ของยอดขาย
ช่องทางการจำหน่าย : ฝากขายตามร้านทั่วไป หรือตั้งหน้าร้านเอง ตามตลาด แหล่งชุมชนต่างๆ
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและโอกาสการขาย : ผู้ชอบรับประทานขนม และช่วงเทศกาลต่างๆ
วัตถุดิบและอุปกรณ์
1. ลังถึง
2. กะละมัง
3. ทัพพี
4. ถ้วยตวง
5. วัตถุดิบต่างๆ สำหรับทำขนมปุยฝ้าย
6. ภาชนะบรรจุขนม
7. เครื่องตีแป้ง
8. ตะกร้อมือ
ส่วนผสมทำขนมปุยฝ้าย
แป้งสาลี 130 กรัม
น้ำตาลทราย 85 กรัม
น้ำสะอาด 120 กรัม
เอสพี (S.P.) 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
ผงฟู 1 ½ ช้อนชา
กลิ่นนมแมวหรือกลิ่นมะลิ 1 หยด
สีผสมอาหารต่างๆ 1-2 หยด
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งกับผงฟูเข้าด้วยกัน พักไว้
2. ผสมน้ำเปล่า 60 กรัม กับ S.P. ใส่อ่างตี ตีด้วยความเร็วสูงสุด จนกระทั่งขึ้นฟู
3. ใส่น้ำตาลทีละน้อย จนหมด ตีต่อประมาณ 2 นาที
4. ใส่ไข่ นมข้นหวาน น้ำมะนาว ตีต่ออีกประมาณ 3 นาที
5. ใส่แป้งในข้อ 1. ลงไปครึ่งส่วน ตะล่อมเบาๆ ด้วยตะกร้อมือ ใส่น้ำที่เหลืออีก ¼ ถ้วย ตะล่อมให้เข้ากันอีกครั้ง
6. ใส่แป้งส่วนที่เหลือ ลงไปทั้งหมด ตะล่อมให้เข้ากันดี หยดกลิ่นนมแมว หรือกลิ่นมะลิลงไปคนให้พอเข้ากัน ปิดฝาพักไว้ 15 นาที
7. ตักแป้งแบ่งใส่สีตามชอบ แต่ต้องให้สีอ่อนๆ
8. ตักใส่ถ้วยหรือพิมพ์กระดาษ ¾ ของพิมพ์ นำไปนึ่งในลังถึง ใช้ไฟกลาง ค่อนข้างแรง ประมาณ 10-15 นาที ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น
9. ทิ้งไว้ให้เย็น บรรจุถุงขาย
ไขเคล็ดลับอาชีพการทำขนมปุยฝ้ายขาย
*ถ้าขนมไม่ขึ้นฟู แสดงว่า อาจไม่ได้ร่อนแป้ง หรือแม้เพียงฝาลังถึงปิดไม่สนิท ก็ทำให้ขนมไม่ขึ้นได้
* การผสมสีไม่ว่าสีธรรมชาติหรือสีผสมอาหารขอให้สีอ่อนที่สุด
* S.P. มีขายตามร้านขายเบเกอรี่ทั่วไป คุณสมบัติของ S.P. คือ เป็นสารที่ช่วยให้ขนมขึ้นฟู
* ช่วงแรกที่ทำ ควรทำในปริมาณน้อยก่อน และใช้มือนวดแป้งแทนการใช้เครื่องไปก่อน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดลงไปได้มาก
* ลักษณะของขนมปุยฝ้ายที่ดี จะต้องเบาฟูเหมือนดอกฝ้าย นุ่ม หน้าขนมจะต้องแตกเป็นแฉก ขนมต้องสดใหม่เสมอ
Labels:
อาชีพขายขนมปุยฝ้าย ขนมมงคล
10/09/2012
อาชีพทำบาร์บีคิวขาย
อาชีพทำบาร์บีคิวขาย
บาร์บีคิวเป็นอาหารประเภทย่างๆ ปิ้งๆ ที่คนชอบรับประทานอีกชนิดหนึ่ง และการทำบาร์บีคิวก็สามารถสร้างรายได้เสริมให้ได้อีกด้วย ดังนั้นหลายๆ คนจึงหันมาย่างบาร์บีคิว ก็ว่ายังมีอีกหลายแห่งที่บาร์บีคิวยังไปไม่ถึง หรือไม่ก็ยังไม่อร่อยพอ ดังนั้น จึงถือว่าเป็นโอกาสให้เราสร้างงานสร้างเงินเป็นอาชีพเสริมได้ค่ะ
เงินลงทุนเบื้องต้นในการขายบาร์บีคิว
ประมาณ 5,000 บาท ซึ่งเป็นค่าเตาย่างประมาณ 1,000 บาท โต๊ะ ถาด ไม้เสียบ ถุงพลาสติกและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 4,000 บาท เพื่อซื้อของสด วัตถุดิบต่างๆ มาใช้ในแต่ละวัน แต่ยังไม่รวมค่าเช่าที่สำหรับการขายนะคะ
ไปขายที่ไหนดี ตลาดเช้า ตลาดเย็น ตลาดเปิดท้าย สวนสุขภาพที่คนมักไปออกกำลังกาย
ราคาขายไม้ละ 5-10 บาท
เริ่มต้นทำบาร์บีคิว
1. เตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์
-เนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ไก่ เนื้อ หมู 1 กิโลกรัม ล้างให้สะอาด แล้วหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ
-หัวหอมใหญ่ ตักเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ
-พริกหวาน หั่นสี่เหลี่ยมพอคำ
-มะเขือเทศลูกเล็ก
-สับปะรด ปอกเปลือก เฉือนตาออก หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ
-เครื่องปรุงสำหรับหมัก ได้แก่
-พริกไทย 1 ช้อนชา
-ซอสมะเขือเทศ 10 ช้อนโต๊ะ
-ซอสแมกกี้ 2 ช้อนโต๊ะ
-ผงปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
-น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
-ซอสเปรี้ยวหรือใช้จิ๊กโฉ่ 1 ช้อนโต๊ะ
-ซีอิ๊วดำ 1/2 ช้อนโต๊ะ
-เหล้า 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
-เกลือ 1 ช้อนชา
-เนยสำหรับทาระหว่างย่าง
วิธีทำ
1. หมักเนื้อด้วย พริกไทย ซอส ผงปรุงรส น้ำตาล ทรายและเกลือ หมักทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมงโดยแช่ในตู้เย็น
2. นำเนื้อที่หมักแล้วมาเสียบไม้ โดยเริ่มจากเสียบผักลงไปก่อน คือ หอมหัวใหญ่ 1 ชิ้น เนื้อ 1 ชิ้น พริกหวาน 1 ชิ้น เนื้อ 1 ชิ้น สับปะรด 1 ชิ้น เนื้อ 1 ชิ้น แล้วก็เสียบมะเขือเทศปิดท้าย หรือถ้าใครอยากเสียบสลับก็ได้
3. นำไปย่างด้วยไฟปานกลาง หมั่นพลิกบ่อยๆ และระหว่างย่างควรทาเนยและทาน้ำซอสสที่เหลือก้นชามไปด้วย เพื่อเพิ่มรสชาติ จนบาร์บีคิวสุกเหลืองหอม
4. การย่างผักต่างๆ ควรย่างให้เกรียมพอดี จะไม่ขม ขื่น หรือเหม็นเขียวค่ะ
หมายเหตุ ควรทดลองทำก่อนออกขายจริง และสัดส่วนสามารถปรับเปลี่ยนได้ค่ะ
Labels:
ย่างบาร์บีคิวขาย,
อาชีพทำบาร์บีคิวขาย
10/07/2012
ปลาไข่ชุบแป้งทอด
ปลาไข่ชุบแป้งทอดอาหารที่รับประทานง่าย ได้ประโยชน์จากปลาทั้งตัว ที่เราเห็นกันตามเปิดท้ายต่างๆ พระเอกของรายการนี้คงไม่พ้นปลาไข่ชุบแป้งทอด ซึ่งอร่อย กรุบกรอบ แถมน้ำจิ้มรสเด็ด สนนราคา 5 ตัวประมาณ 20-30 บาท (แล้วแต่ค่าเช่าที่ ถ้าเป็นตามเปิดท้ายของมหาวิทยาลัยก็ประมาณ 5 ตัว 20 บาท แต่ที่อื่นๆ 30 บาท) เราจะเห็นว่า ราคาไม่ถูกเลยนะคะ เพราะว่าปลาไข่ 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 130 บาท ได้ประมาณ 70 ตัว ซึ่งถ้าเราไปทอดขายอย่างต่ำ 5 ตัว 20 บาท จะมีรายได้ประมาณ 280 บาท หักค่าแป้งทอดกรอบ และเครื่องปรุงต่างๆ ก็จะได้กำไรเกินกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ากำไรดีทีเดียว ใครสนใจจะขายปลาไข่ชุบแป้งทอดก็ตามมาเลยค่ะ
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
1. ปลาไข่ (ควรเลือกเอง ที่ท้องอ้วนๆ ไข่จะได้เยอะ)
2. ไข่ 2 ฟอง
3. แป้งโกกิ 1 ขีด
4. เกลือ ½ ช้อนชา
5. เกล็ดขนมปัง
6. น้ำมันพืชสำหรับทอด
สูตรทำปลาไข่ชุบแป้งทอด
1. ล้างปลาไข่ให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ตีไข่ แล้วนำแป้งลงผสม ใส่เกลือ อย่าให้เหลวมากไป เพราะจะชุบปลาไม่ติด
3. เทเกล็ดขนมปังใส่จาน
4. นำปลาคลุกแป้งที่ผสมไว้ แล้ว แล้วไปคลุกกับเกล็ดขนมปัง
5. ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใช้ไฟแรง ซึ่งน้ำมันต้องท่วมปลา ปลาไข่จึงจะสุกกรอบเหลืองดี
6. นำปลาไข่ลงทอด เมื่อสุก ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน
7. ตักขาย 5 ตัว 20-30 บาท พร้อมน้ำจิ้ม ซึ่งถ้าตักใส่กล่องโฟม ต้องตัดให้เป็นช่อง 4 เหลี่ยมหรือสามเหลี่ยมเพื่อให้ความร้อนระเหยออกไป ปลาไข่ชุบแป้งทอดจะได้ไม่เละด้วยนะคะ
สูตรน้ำจิ้มสำหรับปลาไข่ชุบแป้ง
ถ้าใครไม่อยากทำเอง ก็ใช้ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก หรือน้ำจิ้มไก่ก็ได้ แต่ว่า ถ้าน้ำจิ้มเราอร่อย มีรสชาติไม่เหมือนใคร ลูกค้าก็จะติดใจ และเกิดการบอกต่อ
ส่วนผสมและเครื่องปรุง
1. น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
2. น้ำตาลทราย 100 กรัม
3. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
5. มะขามเปียก 1 ปั้นใหญ่
6. พริกสด 100 กรัม
7. พริกแห้ง 50 กรัม
8. กระเทียมแกะเปลือกแล้ว 100 กรัม
9. น้ำต้มสุกเล็กน้อยเอาไว้เติมถ้าข้นเกินไป
10. ผักชีสำหรับโรยหน้า
(ส่วนผสมปรับเปลี่ยนได้ตามชอบค่ะ)
วิธีทำ
1.ปั่นหรือโขลกพริกสด พริกแห้ง กระเทียมพอแหลก
2.ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู เกลือ
3.คั้นน้ำมะขามเปียกให้ได้ประมาณ 1 ถ้วย แล้วเอามาคนให้เข้ากัน
4.ถ้าข้นเกินไป เติมน้ำต้มสุก ซึ่งรสชาติควรจะเผ็ดนำ เปรี้ยวและหวานเล็กน้อย โรยผักชีเพื่อเพิ่มความหอม
หมายเหตุ ส่วนผสมและเครื่องปรุงสำหรับอาชีพขายปลาไข่ชุบแป้งนั้นสามารถเพิ่มหรือลดได้ค่ะ
ขอบคุณภาพจาก http://www.อาชีพเสริมอิสระ.com
Labels:
ปลาไข่ชุบแป้งทอด,
สูตรปลาไข่
Subscribe to:
Posts (Atom)