สนใจอยากจะ“หาราย ได้เสริม” กันมั๊ยครับ? แหม...ถามโง่ๆ ใครๆก็อยากมีรายได้หลายๆทางกันทั้งนั้นใช่มั๊ยล่ะ พอเห็นคำถามแบบนี้ ส่วนใหญ่ก็ต้องคิดว่า มาชวนสมัครอะไรล่ะ ....ขายตรงเหรอ....ขายประกันเหรอ...ขายอาหารเสริมหรือเปล่า ....แหมถ้ามันรวยเร็วเหมือนที่เขาโฆษณาชวนเชื่อว่า รับวันล่ะ 500-1,000 บาท ทำ2 เดือนรวย มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะที่หลงไปเป็นเหยื่อ มันรวยจริงล่ะ แต่ไอ้คนอยู่หัวคิวมันรวย เราไม่มีทางรวยหรอก อย่าหลงเชื่อ กู้เงินไปจ่ายค่าสมัคร เพื่อหวังเป็น ยอด มงกุฎ... อะไรนั่นเลย ก้มหน้า ก้มตาทำมาหากินกันไป ถึงจะเหนื่อยไม่รวยเร็ว แต่เป็นงานที่ไม่ได้คดโกงใคร เราภูมิใจ ที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง เป็นบริสุทธิ์
คืออยากจะเสนอแนวทางการหารายได้เสริม แบบที่ชาวบ้านทั่วๆไปเขาทำกันนั่นล่ะ ว่ามันพอจะมีช่องทางการหางานได้จากที่ไหนกันบาง ลำพังรอแค่เงินเดือนเพียงอย่างเดียว กลัวไปไม่รอด ค่าบ้าน ค่ากิน ค่ารถ ค่าน้ำ-ไฟ และค่าอื่นๆอีกจิปาถะ หลายๆค่า มันรอล้วงกระเป๋าเราอยู่ตลอดตอนสิ้นเดือน บางทีเดือนไม่ชนเดือน แล้วเราจะ“หาราย ได้เสริม”
จากที่ไหนดีล่ะ?....
แหล่งหาอาชีพเสริมนั้น บางทีเราก็มองข้ามไป ความจริงมันมีอยู่รอบๆตัวเรานี้ล่ะมากมายหลายอาชีพ ขอเพียงให้มีความขยัน อดทน อาชีพเสริมนั้นมีอยู่มากมายจริงๆ ไอเดีย การทำธุรกิจส่วนตัว บางทีลองสังเกตดีๆ เราก็จะเจออาชีพที่เราสนใจ เลือกมาตามความถนัด มันต้องขายได้บ้างล่ะสักอย่าง ใครถนัดงานฝีมือ ก็ลองเข้ารับการอบรมตามศูนย์พัฒนาฝีมือต่างๆ มีอยู่มากมาย ไม่ว่า ประดิษฐ์ดอกไม้ งานแฮนด์เมด,ทำตุ๊กตา,ทำของเล่น เป็นอาชีพเสริมได้ทั้งนั้น หรือถ้าชอบอาชีพค้าขาย ก็ลองคิดดูว่าจะขายอะไรดี ขายเสื้อผ้ามือสอง ,ซาลาเปาทอด ,เครปเย็น, ขายอาหาร, อาหารญี่ปุ่น, เสื้อผ้าสุนัข-อาหารสุนัข ,ขายของทอด,ขายแมลงทอด หรือจะเปิดร้านเสื้อผ้าสำหรับสาวบิ๊กไซต์ เพื่อเป็นรายได้เสริม อันนี้ต้องมีเงินลงทุนสูง อาชีพนี้น่าสนใจ เพราะคนอ้วนหาเสื้อผ้าใส่ยาก
ขายผลไม้ไทยๆ ก็ดีเพราะ บ้านเรามีผลไม้สดๆตลอดปีหมุนเวียนมาให้เราเลือกขาย บางปีออกมากๆ เอามาเททิ้งประท้วงรัฐบาลกันเต็มถนน เสียของ สู้เราเอามาขายเป็นรายได้เสริมดีกว่า
ใครที่ชอบงาน ขีดๆเขียนๆ ก็น่าจะลองทำอาชีพเสริมเป็นนักเขียน นักแต่งเพลง เก็บค่าลิขสิทธิ์กิน ก็เข้าท่าดี น้ำซึมบ่อทราย มีรายได้เข้ามาเรื่อยๆไม่หยุด.... เห็นไหมครับว่า พอเราลองนั่งคิดดูเล่นๆ ยังมีอาชีพเสริมให้เรานั้นเลือกทำมากมาย ไม่แน่ ลองลงมือทำแล้วเราอาจจะหลงรักอาชีพเสริม จนกลายเป็นอาชีพหลักไปเลยก็ได้ เพราะอาชีพเสริมบางอย่างรายได้ดีกว่า งานประจำเป็นไหนๆ....... ขอเพียงเราตั้งใจ ขยัน.. อดทน เก็บ อออม รับรอง ไม่นาน มีเงินเก็บมากมายแน่นอนครับ
หรือถ้าอยากได้ไอเดียแหล่งหาอาชีพเสริมเพิ่มอีก ก็ลองเข้าไป ดูได้ที่ www.archeepthai.com เรารวมอาชีพเสริมไว้ให้คุณๆมากมาย ครบครันเลยล่ะครับ
10/14/2011
9/15/2011
ร้านขายมือถือ สำหรับคนรัก apple blackberry
วันนี้มีข่าวดีมาฝากประชาสัมพันธ์สำหรับคนรัก apple blackberry เป็นร้านขายมือถือในเวบ ไม่มีหน้าร้าน ชื่อร้าน CallMe เน้นขายเฉพาะ iPhone iPad blackberry
ร้านขายมือถือเล็กๆ สำหรับคนรัก apple blackberry เป็นร้านมือถือเล็กๆที่มีใจรัก apple blackberry อาจจะไม่ได้เป็นร้านในฝันของหลายๆคนแต่ร้านนี้เกิดขึ้นมาเพราะความชอบส่วนตัวเกี่ยวกับ iphone ipad blackberryจึงสร้างร้านเล็กๆนี้มาบริการคุณผู้มีใจรักในสิ่งเดียวกัน
ติดต่อสอบถามได้ที่ callmeshop@hotmail.co.th CallMe at 0851100018
หรือสนใจเข้าไปชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.callmeifuneed.blogspot.com
www.facebook.com/CallMeifu
www.twitter.com/iCallmi
โทร 0900055101
ร้านขายมือถือเล็กๆ สำหรับคนรัก apple blackberry เป็นร้านมือถือเล็กๆที่มีใจรัก apple blackberry อาจจะไม่ได้เป็นร้านในฝันของหลายๆคนแต่ร้านนี้เกิดขึ้นมาเพราะความชอบส่วนตัวเกี่ยวกับ iphone ipad blackberryจึงสร้างร้านเล็กๆนี้มาบริการคุณผู้มีใจรักในสิ่งเดียวกัน
ติดต่อสอบถามได้ที่ callmeshop@hotmail.co.th CallMe at 0851100018
หรือสนใจเข้าไปชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.callmeifuneed.blogspot.com
www.facebook.com/CallMeifu
www.twitter.com/iCallmi
โทร 0900055101
9/12/2011
เรียนนวด สปาแผนไทย
วันนี้มีข่าวดีมาแจ้งสำหรับท่านที่อยากเรียนนวด สปาแผนไทย เพื่อจะได้มีความรุ้ติดตัวไว้ใช้ประกอบอาชีพ เพราะธุรกิจสปากำลังต้องการพนักงานที่มีความรู้เป็นอย่างมาก อีกอย่างบุคลากรด้านสปาและนวดแผนไทยขาดแคลนเป็นอย่างมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มาเรียนนวดแผนไทย กับนัชชา สปา &บิ้วตี้วันนี้เปิดสอนหลักสูตรการนวดแบบมืออาชีพ และหลักสูตรเร่งรัด สอนแบบเป็นกันเอง เรียนง่าย เป้นเร็ว สอนทั้งสอนภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติโดยอาจารย์ด้านแพทย์แผนไทย และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ประสบการณ์กว่า 10 ปี รับรองโดยทรวงสาธารณสุข และรับประกาศนียบัตรจากศูนย์ฝึกอาชีพ นัชชา สปา & บิวตี้ (ไทย-อังกฤษ)
ขอบคุณภาพจากthaigoodview.com
หลักสูตรที่เปิดสอนเช่น สปานวดหน้า นวดทรวงอก ปั่นสลิมสลายไขมันส่วนเกิน สปาขัดผิวกาย นวดออยสปา& อโรม่า นวดแผนไทย สปาเท้าแบบองค์รวม นวดกดจุดเพื่อสุขภาพมือและฝ่าเท้า เรียนเรียนนวดประคบและการดูแลหญิงหลังคลอดบุตร เรียนจับเส้น/ชิดเส้น/คิดเส้นแก้อาการต่าง ฯลฯ
อุปกรณ์การเรียนทางศูนย์มีบริการให้ และมีคอมมิชชั่นรายวัน/รายเดือน ให้ระหว่างเรียน มีที่พักให้ฟรี มีงานทำถาวรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พร้อมรับใบประกาศนียบัตรจากสมาคมแพทย์แผนไทย-อังกฤษ (เรียน 60-150-372 ชั่วโมง) รับสอนทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ
นอกจากนี้ นัชชา สปา &บิ้วตี้ ยังเปิดสอนทำผลิตภัณฑ์เครี่องสำอางด้านผิวพรรณ และการบำบัดสุขภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญรับปรึกษาปัญหาผิวพรรณและปัญหาสุขภาพ โดยแพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือกและภูมิปัญญาไทย นอกจากนี้ยังรับผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สปาครบวงจรในราคาโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางสมุนไพรแท้ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เช่น เครื่องสำอางบำรุงผิว เกลือสปาขัดผิว ครีมสลายไขมัน
สำหรับผู้ทีมใจรัก ในด้านสมุนไพรไทย พร้อมรวมอนุรักษ์ยินดีสอนและอบรมให้ฟรี ใช้สิทธิได้เฉพาะบุคคลยากจน คนพิการบ้าน พ่อบ้าน
ช่วงโปรโมชั่นพิเศษ 1,900บาท/คอร์ส สนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ อ.นัชชา โทรศัพท์ 087-055-3141,084-678-4154,089-752-9378,038-428-605
ขอบคุณภาพจากthaigoodview.com
หลักสูตรที่เปิดสอนเช่น สปานวดหน้า นวดทรวงอก ปั่นสลิมสลายไขมันส่วนเกิน สปาขัดผิวกาย นวดออยสปา& อโรม่า นวดแผนไทย สปาเท้าแบบองค์รวม นวดกดจุดเพื่อสุขภาพมือและฝ่าเท้า เรียนเรียนนวดประคบและการดูแลหญิงหลังคลอดบุตร เรียนจับเส้น/ชิดเส้น/คิดเส้นแก้อาการต่าง ฯลฯ
อุปกรณ์การเรียนทางศูนย์มีบริการให้ และมีคอมมิชชั่นรายวัน/รายเดือน ให้ระหว่างเรียน มีที่พักให้ฟรี มีงานทำถาวรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ พร้อมรับใบประกาศนียบัตรจากสมาคมแพทย์แผนไทย-อังกฤษ (เรียน 60-150-372 ชั่วโมง) รับสอนทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ
นอกจากนี้ นัชชา สปา &บิ้วตี้ ยังเปิดสอนทำผลิตภัณฑ์เครี่องสำอางด้านผิวพรรณ และการบำบัดสุขภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญรับปรึกษาปัญหาผิวพรรณและปัญหาสุขภาพ โดยแพทย์แผนไทย แพทย์ทางเลือกและภูมิปัญญาไทย นอกจากนี้ยังรับผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์สปาครบวงจรในราคาโรงงานรับผลิตเครื่องสำอางสมุนไพรแท้ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เช่น เครื่องสำอางบำรุงผิว เกลือสปาขัดผิว ครีมสลายไขมัน
สำหรับผู้ทีมใจรัก ในด้านสมุนไพรไทย พร้อมรวมอนุรักษ์ยินดีสอนและอบรมให้ฟรี ใช้สิทธิได้เฉพาะบุคคลยากจน คนพิการบ้าน พ่อบ้าน
ช่วงโปรโมชั่นพิเศษ 1,900บาท/คอร์ส สนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ อ.นัชชา โทรศัพท์ 087-055-3141,084-678-4154,089-752-9378,038-428-605
Labels:
เรียนนวด สปาแผนไทย
8/19/2011
เซเว่นอีเลฟเว่น(7-11 )
ธุรกิจร้านขายของชำหรือสะดวกซื้อรูปแบบใหม่อย่างเซเว่นอีเลฟเว่น นั้นเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนงาม เพราะ ทุกๆวันนี้ร้านสะดวกซื้อเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเราได้มาก ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เช่นเราเกิดหิวขึ้นมา กลางดึกในคืนฝนตก ไม่มีร้านไหนจะเปิดรอขายเราอยู่แน่ๆแต่เซเว่นอีเลฟเว่นเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ภาพจาก en.wikipedia.org/wiki/7-Eleven
คุณบุญชัย ศรีสุรเมธีกร คืออีกหนึ่งตัวอย่างของแฟรนไซส์ซีทีตัดสินใจเลือกลงทุนกับเซเว่นอีเลฟเว่น และ
ประสบความผำเร็จอย่างน่าพึงพอใจ คุณบุญซัยกล่าวว่า “ก่อนทีผมจะมาทำธุรกิจกับเซเว่นอีเลฟเว่น ผมเคยเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งมาก่อน จากนั้นจึงได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพราะต้องการวางรากฐานที่มั่นคงไห้กับอนาคตของตัวเองและครอบครัว ผมอยากมีธุรกิจที่มันคงและโอกาสเติบโต ก็เลยมองไปทีธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น และพอมีโอกาสก็ได้เข้าไปร่วมอบรมการทำธุรกิจกับเซเว่นอีเลฟเว่น พร้อมกับเพื่อนที่สนใจ หลังจากอบรมเสร็จ เพื่อนคนดังกล่าว กลับบอกว่ารูปแบบการธุรกิจของเซเว่นอีเลฟเว่นไม่ใช่สไตส์ของเขา แต่สำหรับผมกลับสนใจรูปแบบธุรกิจของเซเว่นอีเลฟเว่นมาก และเลือกที่จะลงทุนด้วยประกอบกับช่วงนั้นผมทำงานประจำมาได้ระยะหนึ่งแล้ว จึงมีความคิดอยากจะเปลี่ยนงาน แม้ตอนนั้นอายุผมจะยังน้อย แต่ผมกลับมีความคิคว่าหากผมทำงานประจำอย่างนั้นต่อไป อนาคตคงจะเปลี่ยนงานนี้ได้ยาก เพราะจากที่เป็นผู้บริหารระดับกลาง ผมก็จะต้องก้าวขึ้นสู่ผู้บริหารระดับสูง ซึ่งจะทำให้การตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจของตัวเองค่อนข้างยากยิ่งขึ้น ถึงตอนนั้นถือว่าเป็นจังหวะทีดีในชีวิตของผมแล้ว ผมจึงตัดสินใจเลีอกทำธุรกิจกับเซเว่นอีเลฟเว่น
ผมยอมทิ้งเงินเดือนและหน้าที่การงานออกมา เพราะคิดว่าเซเว่นอีเลฟเว่น คือคำตอบของธุรกิจทีมันคง มีระบบบริหารจัดการทีดี น่าจะประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยากครับ”คุณบุญชัยยังเล่าต่อให้ฟังอีกว่า “ช่วงเริมต้นธุรกิจกับ1.5 ล้านบาท ระยะสัญญา 6 ปี ปัจจุบันผมเปิดไปแล้ว 3 สาขาและตั้งเป้าเอาไว้ว่า 2 ปีจะต้องเปิดเซเว่นอีเลฟเว่นเพิ่มให้ได้ 1 สาขา สำหรับการขยายสาขานั้นขึ้นอยู่กับการเติบโตของพนักงาน คือถ้าพนักงานพร้อมที่จะเติบโตและมีศักยภาพที่จะเป็นผู้จัดการร้านหรือผู้ช่วยได้จึงจะขยายสาขาต่อไปคุณบุญชัยยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “ผมูร้สึกว่าตัวเองมีศักยภาพมากกว่าที่บริษัทให้งานเราทำ ต้องยอมรับว่าการทำงาน
บริษัทนั้นมีปัญหามากมาย ทำให้ไม่กล้าแสดงศักยภาพของเราออกมาและไม่สามารถทำให้เราเติบโตได้มากกว่าคำวาพนักงานบริษัท แต่การทำงานกับ เซเว่นอีเลฟเว่น สามารถเติบโตได้อย่างไม่มีขีดจำกัดทำทุกอย่างได้ตามใจที่เราอยากจะทำภายใต้ขอบเขตและเงื่อนไขที่บริษัทให้และผมก็คิดว่าธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ไม่มีวันตายครับ”
ตอนนั้นก็ได้รู้จักเซเว่นอีเลฟเว่น จากการประชาสัมพันธ์ธุรกิจทางสื่อต่างๆ จึงได้เข้าไปศึกษาข้อมูลโดยใช้เวลาเกือบ 2 ปีในการตัดสินใจเลือกลงทุนธุรกิจ เซเว่นอีเลฟเว่น ที่เลือกทำธุรกิจกับเซเว่นอีเลฟเว่นนั้น ช่วงแรกก็ยังไม่ได้คาดหวังอะไรมาก อีกอย่างก็คิดว่าการเลือกทำธุรกิจเซเว่นอีเลฟเว่น ไม่น่าเสี่ยงเหมือนกับธุรกิจอื่นๆเพราะถือว่าเป็นธุรกิจที่มั่นคง ถึงยอดจะไม่เพิมขึ้น แต่ก็คิดว่าจะอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก แต่เมื่อเข้ามาบริหารงานแล้วก็คิดอย่างเดียวว่า เราจะต้องรักการบริการ ต้องดูแลเชเว่นอีเลฟเว่นให้เป็นไปตามมาตรฐานตามทีบริษัทกำหนด ต้องยิ้มแย้ม แจ่มใสจริงใจต่อลูกค้า และจุดนี้เองที่ทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ยอดเติบโตจนเป็นที่พอใจ”
นี่เป็น1ในตัวอย่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการร่วมทำธุรกิจกับ เซเวนอีเลฟเวน หากคุณกำลังคิดจะเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง เซเว่นอีเลฟเว่น น่าจะเป็นคำตอบอีกหนึ่งอย่าง ที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก โดยไม่ต้องเรียนรู้ธุรกิจหรือลองผิดลองถูกเอง สนใจธุรกิจเซเว่นอีเลฟเว่น ติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 0-2711-7800 (ตลอด 24 ชั่วโมง)หรือที่ www.cpall.CO.th/
Labels:
7-11,
7-Eleven,
เซเว่นอีเลฟเว่น(7-11 )
8/08/2011
สปาต้มยำเท้า
แค่ได้ยินคำว่า ต้มยำเท้า คงนึกว่าเป็นเมนูอาหาร แต่ต้มยำเท้าในที่นี้หมายถึง เมนูเพื่อความผ่อนคลายสำหรับเท้า เพราะเท้าเป้นอวัยวะสำคัญที่เราใช้เดินเคลื่อนไหวตลอดทั้งวัน อาจจะทำให้มีอาการเมื่อล้าได้ สปาเท้าจึงช่วยให้ผ่อนคลายและแก้อาการปวดเมื่อยได้ดี สมุนไพรที่ใช้ในการบำบัดนั้นเป็นเครื่องต้มยำสำหรับทำอาหาร บางคนสงสัยว่าเจ้าเครื่องต้มยำพวกนี้มีประโยชน์สาหรับเท้ายังไง คุณวิโรจน์ วงศเสนา หัวหัวหน้าโครงการสุขแท้ด้วยจิตอาสา กล่าวถึงการทำต้มยำเท้าให้ฟังว่า
“สมุนไพรแต่ละตัวที่เรานำมาใช้ เมื่อเกิดการนวดโดยการเอาเท้าถูกันไปมา สมุนไพรกลุ่มนี้ก็จะมีน้ำมันออกมา ช่วยให้เท้าเกิดความสบาย และเลือดลมที่เท้ากหลเวียนตี ยิ่งคนที่เป็นเหน็บชา เส้นเลือดขอด จะรู้สึกสบายขึ้นในทันที และการถูนวดไปมายังช่วยให้เท้าสะอาด ช่วยขัดถูขี้ไคลออกจากเท้าจนหมดจด นอกจากจะมีประโยชน์สำหรับเท้าโดยตรงแล้วระหว่างการนวดกลิ่นสมุนไพรก็จะระเหยออกมาทำให้คนที่กำลังนวดรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย”
สำหรับการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการทำต้มยำเท้านั้น วัสดุทีจะต้องเตรีรียม ก็คือ
-อ่างสำหรับแช่เท้า กระติกน้ำร้อนสำหรับด้มน้ำ เพราะการทำสปาต้มยำนี้ เราจะต้องทำตอนน้ำร้อน
-เครื่องต้มยำเช่น ขิง ตะไคร้ ใบมะกรูด ผิวมะกูรด มะนาว สาระแหน่ ใบโหระพาใบกะเพรา และหิน
อาจจะดัดแปลงโดยการใช้สมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาผสมด้วยก็ได้
วิธีทำสปาต้มยำเท้าก็คือ1.นำเครื่องต้มยำมาหั่นแบบไม่ต้องละเอียดมากนัก ยกเว้นตะไคร้ที่ต้องซอยละเอียด เนื่องจากส่วนของใบตะไคร้จะมีความคม อาจบาดเท้าได้
2.จากนั้นนำเครื่องต้มยำและหินลงในอ่างสำหรับแช่เท้า เอาน้ำร้อนทิ่เตรียมไว้เทลงไปในอ่าง จากนั้นจึงเอาน้ำเย็นผสมเข้าไป สัมผัสดูน้ำไม่ให้ร้อนจนเกินไปนัก
3.นำเท้าลงไปแช่ได้เลย ระหว่างแช่เท้าก็ขึ้นพยายามเอาเท้าโกยสมุนไพรมาขัดถูเท้าไปมา ใช้เวลาแซ่ประมาณ45-60 นาที ก็เสร็จสิ้นกระบวนการทำต้มยำเท้า
นอกจาก ต้มยำเท้า ของโครงการสุขแท้ด้วยจิตอาสา จะเป็นการทำสปาเท้าแนวใหม่แล้ว ยังนับเป็นวิธีการเชื่อมรักที่ดีอีกทางหนึ่ง เพราะทำให้เด็กๆในชุมชนได้มีโอกาสมาพบปะกับคนเฒ่าคนแก่อีกด้วย และหากมองในแง่ธุรกิจถ้าจะนำไปต่อยอดให้บริการควบคู่กับการนวดเท้าก็คงเรียกเงินจากคนขี้เมื่อยได้ไม่น้อยทีเดียว สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.08-5495-905
“สมุนไพรแต่ละตัวที่เรานำมาใช้ เมื่อเกิดการนวดโดยการเอาเท้าถูกันไปมา สมุนไพรกลุ่มนี้ก็จะมีน้ำมันออกมา ช่วยให้เท้าเกิดความสบาย และเลือดลมที่เท้ากหลเวียนตี ยิ่งคนที่เป็นเหน็บชา เส้นเลือดขอด จะรู้สึกสบายขึ้นในทันที และการถูนวดไปมายังช่วยให้เท้าสะอาด ช่วยขัดถูขี้ไคลออกจากเท้าจนหมดจด นอกจากจะมีประโยชน์สำหรับเท้าโดยตรงแล้วระหว่างการนวดกลิ่นสมุนไพรก็จะระเหยออกมาทำให้คนที่กำลังนวดรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย”
สำหรับการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการทำต้มยำเท้านั้น วัสดุทีจะต้องเตรีรียม ก็คือ
-อ่างสำหรับแช่เท้า กระติกน้ำร้อนสำหรับด้มน้ำ เพราะการทำสปาต้มยำนี้ เราจะต้องทำตอนน้ำร้อน
-เครื่องต้มยำเช่น ขิง ตะไคร้ ใบมะกรูด ผิวมะกูรด มะนาว สาระแหน่ ใบโหระพาใบกะเพรา และหิน
อาจจะดัดแปลงโดยการใช้สมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาผสมด้วยก็ได้
วิธีทำสปาต้มยำเท้าก็คือ1.นำเครื่องต้มยำมาหั่นแบบไม่ต้องละเอียดมากนัก ยกเว้นตะไคร้ที่ต้องซอยละเอียด เนื่องจากส่วนของใบตะไคร้จะมีความคม อาจบาดเท้าได้
2.จากนั้นนำเครื่องต้มยำและหินลงในอ่างสำหรับแช่เท้า เอาน้ำร้อนทิ่เตรียมไว้เทลงไปในอ่าง จากนั้นจึงเอาน้ำเย็นผสมเข้าไป สัมผัสดูน้ำไม่ให้ร้อนจนเกินไปนัก
3.นำเท้าลงไปแช่ได้เลย ระหว่างแช่เท้าก็ขึ้นพยายามเอาเท้าโกยสมุนไพรมาขัดถูเท้าไปมา ใช้เวลาแซ่ประมาณ45-60 นาที ก็เสร็จสิ้นกระบวนการทำต้มยำเท้า
นอกจาก ต้มยำเท้า ของโครงการสุขแท้ด้วยจิตอาสา จะเป็นการทำสปาเท้าแนวใหม่แล้ว ยังนับเป็นวิธีการเชื่อมรักที่ดีอีกทางหนึ่ง เพราะทำให้เด็กๆในชุมชนได้มีโอกาสมาพบปะกับคนเฒ่าคนแก่อีกด้วย และหากมองในแง่ธุรกิจถ้าจะนำไปต่อยอดให้บริการควบคู่กับการนวดเท้าก็คงเรียกเงินจากคนขี้เมื่อยได้ไม่น้อยทีเดียว สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.08-5495-905
Labels:
สปาต้มยำเท้า,
สปาเท้า
7/21/2011
กาแฟชาวดอย
ธุรกิจสุดฮิตใน พ.ศ.นี้ไม่มีอะไรเกิน การได้เปิดร้านกาแฟสด ที่บรรยากาศอบอุ่นสักแห่ง เชื่อว่าการได้เป็นเจ้าธุรกิจร้านกาแฟ อยู่ในใจใครหลายๆคนแน่ๆวันนี้
ภาพจากchaodoicoffee.com/franshine-set.php
ร้านกาแฟ เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมมาก กาแฟสดชาวดอย เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ที่มีการลงทุนต่ำ ความเสี่ยงต่ำมาก ความคล่องตัวสูงโดยใช้รถกาแฟสด (Cart) ซึ่งรถดังกล่าวสามารถบรรจุ และจัดเก็บอุปกรณ์
ภาชนะ วัตถุดิบ เพื่อใช้ในการจำหน่ายได้อย่าง สะดวก รวดเร็ว ทัยสมัย
ปัจจัยในการตัดสินใจดำเนินการธุรกิจกาแฟสด ชาวดอย
1. คุณภาพ เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูง จากประสบการณ์การคั่วตามพกรรมวิธีที่ดีจากชาวดอย
2. รสชาด ด้วยเมล็ดกาแฟที่ดี จึงทำให้ได้รสกาแฟที่หอมกรุ่น และเข้มข้น
3. การลงทุนต่ำ เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีความคล่องตัวในการดำเนินการสูง ตามรูปแบบของผู้ลงทุน
ตารางค่าใช้จ่าย
หัวข้อ ค่าใช้จ่าย
- ค่าค้ำประกันรถกาแฟสด 60,000
- ค่าแฟรนไชส์ (ค่าลิขสิทธิ์รายปี)ปีถัดไป 12,000
- ค่าแฟรนไชส์ (ค่าลิขสิทธิ์รายปี)ปีแรก 20,000
- ค่าเช่ารถกาแฟสดรายเดือน 1,000
- ชุดอุปกรณ์เปิดร้านใหม่ 65,000
ชุดตัวอย่างแฟรนไชส์กาแฟชาวดอย
ชุดประหยัด
ไม่มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ (มีที่บดกาแฟในตัว), อุปกรณ์และวัตถุดิบชุดเล็ก
เหมาะสำหรับการออกแบบร้านกาแฟสไตล์ความชอบส่วนตัว
ชุดเล็ก
มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ(มีที่บดกาแฟในตัว), อุปกรณ์บางรายการ และวัตถุดิบชุดเล็ก
ร้านกาแฟสดขนาดกะทัดรัดทันสมัยเข้าได้ทุกสถานที่ เหมาะสำหรับมุมเล็กๆ
ใช้้พื้นที่ประมาณ 1.5 ตารางเมตร
ชุด มินิบาร์
มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ(มีที่บดกาแฟในตัว), อุปกรณ์ครบชุดและวัตถุดิบชุดใหญ่
ร้านกาแฟสดขนาดกะทัดรัดทันสมัยเข้าได้ทุกสถานที่เหมาะสำหรับมุมเล็กๆ
ใช้้พื้นที่ประมาณ 1.5 ตารางเมตร
ชุดรถเข็น
มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ(มีที่บดกาแฟในตัว) อุปกรณ์และวัตถุดิบชุดใหญ่
ดีไชน์ทันสมัยสะดวกโดนใจ เหมาะสำหรับตึกสำนักงาน, ศูนย์อาหาร
ใช้พื้นที่ประมาณ 2 ตารางเมตร ร้านกาแฟสดสำเร็จรูป
Corner งบลงทุนประมาณ 300,000 บาท
ร้านกาแฟสดขนาดกลางมาตรฐานเสมือนร้านใหญ่
เหมาะที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอาคารสำนักงาน บริเวณศูนย์การค้าทั่วไป
ใช้พื้นที่ตั้งแต่ 5 ตารางเมตรขึ้นไป อาจมีที่นั่ง หรือไม่มีที่นั่งให้กับลูกค้าก็ได้
Stand Alone Shop งบลงทุนประมาณ 800,000 บาท
ร้านกาแฟสดมาตรฐานขนาดใหญ่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร
เหมาะสำหรับเป็นอาคารพาณิชน์ อาคารอิสระ หรือร้านที่อยู่ในศูนย์การค้า
ใช้พื้นที่ตั้งแต่ 25 ตารางเมตรขึ้นไป
กาแฟสด ชาวดอย
ที่อยู่ 139/13, 139/16-18 อาคาร B1 ชั้น2
ซอยโชคชัย 4 ถ.ลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง
เขตวังทองหลาง กทม. 10310 ,โทรศัพท์ 0-2933-4191-4, 0-9104-4058
**ข้อมูลอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา
ภาพจากchaodoicoffee.com/franshine-set.php
ร้านกาแฟ เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมมาก กาแฟสดชาวดอย เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ที่มีการลงทุนต่ำ ความเสี่ยงต่ำมาก ความคล่องตัวสูงโดยใช้รถกาแฟสด (Cart) ซึ่งรถดังกล่าวสามารถบรรจุ และจัดเก็บอุปกรณ์
ภาชนะ วัตถุดิบ เพื่อใช้ในการจำหน่ายได้อย่าง สะดวก รวดเร็ว ทัยสมัย
ปัจจัยในการตัดสินใจดำเนินการธุรกิจกาแฟสด ชาวดอย
1. คุณภาพ เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูง จากประสบการณ์การคั่วตามพกรรมวิธีที่ดีจากชาวดอย
2. รสชาด ด้วยเมล็ดกาแฟที่ดี จึงทำให้ได้รสกาแฟที่หอมกรุ่น และเข้มข้น
3. การลงทุนต่ำ เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีความคล่องตัวในการดำเนินการสูง ตามรูปแบบของผู้ลงทุน
ตารางค่าใช้จ่าย
หัวข้อ ค่าใช้จ่าย
- ค่าค้ำประกันรถกาแฟสด 60,000
- ค่าแฟรนไชส์ (ค่าลิขสิทธิ์รายปี)ปีถัดไป 12,000
- ค่าแฟรนไชส์ (ค่าลิขสิทธิ์รายปี)ปีแรก 20,000
- ค่าเช่ารถกาแฟสดรายเดือน 1,000
- ชุดอุปกรณ์เปิดร้านใหม่ 65,000
ชุดตัวอย่างแฟรนไชส์กาแฟชาวดอย
ชุดประหยัด
ไม่มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ (มีที่บดกาแฟในตัว), อุปกรณ์และวัตถุดิบชุดเล็ก
เหมาะสำหรับการออกแบบร้านกาแฟสไตล์ความชอบส่วนตัว
ชุดเล็ก
มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ(มีที่บดกาแฟในตัว), อุปกรณ์บางรายการ และวัตถุดิบชุดเล็ก
ร้านกาแฟสดขนาดกะทัดรัดทันสมัยเข้าได้ทุกสถานที่ เหมาะสำหรับมุมเล็กๆ
ใช้้พื้นที่ประมาณ 1.5 ตารางเมตร
ชุด มินิบาร์
มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ(มีที่บดกาแฟในตัว), อุปกรณ์ครบชุดและวัตถุดิบชุดใหญ่
ร้านกาแฟสดขนาดกะทัดรัดทันสมัยเข้าได้ทุกสถานที่เหมาะสำหรับมุมเล็กๆ
ใช้้พื้นที่ประมาณ 1.5 ตารางเมตร
ชุดรถเข็น
มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ(มีที่บดกาแฟในตัว) อุปกรณ์และวัตถุดิบชุดใหญ่
ดีไชน์ทันสมัยสะดวกโดนใจ เหมาะสำหรับตึกสำนักงาน, ศูนย์อาหาร
ใช้พื้นที่ประมาณ 2 ตารางเมตร ร้านกาแฟสดสำเร็จรูป
Corner งบลงทุนประมาณ 300,000 บาท
ร้านกาแฟสดขนาดกลางมาตรฐานเสมือนร้านใหญ่
เหมาะที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอาคารสำนักงาน บริเวณศูนย์การค้าทั่วไป
ใช้พื้นที่ตั้งแต่ 5 ตารางเมตรขึ้นไป อาจมีที่นั่ง หรือไม่มีที่นั่งให้กับลูกค้าก็ได้
Stand Alone Shop งบลงทุนประมาณ 800,000 บาท
ร้านกาแฟสดมาตรฐานขนาดใหญ่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร
เหมาะสำหรับเป็นอาคารพาณิชน์ อาคารอิสระ หรือร้านที่อยู่ในศูนย์การค้า
ใช้พื้นที่ตั้งแต่ 25 ตารางเมตรขึ้นไป
กาแฟสด ชาวดอย
ที่อยู่ 139/13, 139/16-18 อาคาร B1 ชั้น2
ซอยโชคชัย 4 ถ.ลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง
เขตวังทองหลาง กทม. 10310 ,โทรศัพท์ 0-2933-4191-4, 0-9104-4058
**ข้อมูลอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา
Labels:
กาแฟชาวดอย
7/08/2011
ขนมไทยบ้านอัยการ
วันนี้ขนมไทยก้าวไกลมากขึ้น จากภูมิปัญญาที่มีมาแต่โบราณ บวกกับไอเดียแนวที่ต่อยอดและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ขนมไทยๆ กลายเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาลในทุกวันนี้ใครบ้างจะคิดว่า จากงานอดิเรกในครอบครัว ที่คุณแม่มักจะทำขนมไทยไปช่วยตามงานของเหล่าเพื่อนบ้านบ่อยๆ เมื่อครั้งที่คุณพ่อย้ายไปประจำที่จังหวัดทางภาคอีสาน จนเขาเรียกกันติดปากว่าขนมจากบ้านของท่านอัยการ กลายเป็นที่มาของชื่อ “ขนมบ้านอัยการ” ร้านขนมไทยขึ้นห้างฯ ร้านแรก ที่ปัจจุบันมีถึง 12 สาขา
คุณ ธนดา สุวรรณสิทธิ์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่า เกิดขึ้นหลังจากที่คุณพ่อเสีย ทำให้จากงานอดิเรก ก็เลยกลายมาเป็นงานหลัก พอลูกๆ เรียนจบ แม้จะทำงานมีครอบครัว แต่ก็ยังช่วยกันทำขนมขายที่บ้าน
ในปี 2535 ขนมบ้านอัยการก็จดทะเบียนโดยใช้ชื่อร้าน “ ขนมบ้านอัยการ ” ลูกค้าก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ จากปากต่อปาก ในที่สุดทุกคน จึงตกลงใจลาออกจากงานมาทุ่มเทให้ร้านขนม
ปี 2540 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลจะเปิดสาขาพระราม 3 ก็เสนอพื้นที่ให้เช่า กลายเป็นร้านขนมไทยเจ้าแรกที่เช่าพื้นที่ในห้างฯ
เป็นความโชคดีที่เราเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล พระราม 3 เพราะย่านสาธุประดิษฐ์เป็นย่านการค้าของคนจีน ซึ่งมีกำลังซื้อ มีงานไหว้เจ้า วันตรุษเยอะ แม้จำนวนลูกค้าจะน้อย แต่คนหนึ่งจะซื้อเป็นจำนวนมาก
ชาวต่างชาติ นิยมในความเป้นไทย จะชื่นชอบมากๆเกี่ยวกับอาหารไทยๆ โโยเฉพาะขนมที่เป้นเอกลักษณ์หาทานที่ไหนไม่ได้นอกจากเมืองไทย วันนี้ขนมบ้านอัยการ กับการเตรียมตัว พร้อมจะโกอินเตอร์หากได้มีโอกาสได้เดินทางไปแสดงธุรกิจยังต่างประเทศ จะมีประโยชน์คือ มีโอกาสแนะนำขนมไทย ไปเผยแพร่สินค้าให้เป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศสามารถนัดหมายคู่ค่าที่สำคัญๆ เพื่อพบและเจรจาธุรกิจ รวมถึงได้ซักถามข้อมูลด้านการตลาดและสำรวจตลาดในต่างประเทศโดยคิดว่ากลุ่มประเทศที่จะเป็นประโยชน์หากได้ไปแสดงธุรกิจคือ ยุโรป อเมริกา และสิงคโปร์
ความคิดเห็นของทีมงานที่ปรึกษาเป็นกิจการที่มีศักยภาพ และความพร้อมในด้านทีมงาน ระบบงาน และได้เตรียมความพร้อมของตัวเองในการออกสู่ตลาดสากลแล้ว โดยได้มีการจดทะเบียนตราสินค้าที่ทวีปยุโรปแล้ว
และมีการจัดตั้งบริษัทฯ ในเครือที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อเตรียมการรองรับการเป็น master franchise ในอเมริกามีแผนในการขยายธุรกิจในต่างประเทศคือประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปและมีความพร้อมในการเดินทางเพื่อจัดบูธแสดงธุรกิจในต่างประเทศ
สินค้าและบริการ- จำหน่ายขนมนานาชนิด อาทิเช่น ขนมเปี๊ยะไส้ต่างๆ ,โดนัท,ขนมปังชนิดต่าง,คุกกี้,ขนมสาลี่,กะหรี่พัฟ,ขนมชั้น,พายสับปะรด,กลีบลำดวน,ลูกชุบวุ้นใบเตย,ข้าวเหนียวแก้ว และขนมให้เลือกมากมายอีกหลายชนิด
- บริการทำขนมตามงานเลี้ยงต่างๆ และสั่งสินค้าในราคาตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป มีบริการส่งฟรี (ต่ำกว่า 5,000 บาทเสียค่าบริการจัดส่งตามระยะทาง)
ตารางค่าใช้จ่าย
หัวข้อ ค่าใช้จ่าย
ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 200,000
ค่าออกแบ 20,000
เงินทุนหมุนเวียนต่อเดือน 300,000
สนใจธุรกิจแฟรนไชส์ขนมบ้านอัยการ ติดต่อ
คุณ ธนดา สุวรรณสิทธิ์ที่อยู่ 59/259 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
โทรศัพท์ 02-582-1801-4 ดำเนินการโดย บริษัท ยู.เอ็ม.ไทร์ดอเตอร์ จำกัด
คุณ ธนดา สุวรรณสิทธิ์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของธุรกิจว่า เกิดขึ้นหลังจากที่คุณพ่อเสีย ทำให้จากงานอดิเรก ก็เลยกลายมาเป็นงานหลัก พอลูกๆ เรียนจบ แม้จะทำงานมีครอบครัว แต่ก็ยังช่วยกันทำขนมขายที่บ้าน
ในปี 2535 ขนมบ้านอัยการก็จดทะเบียนโดยใช้ชื่อร้าน “ ขนมบ้านอัยการ ” ลูกค้าก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ จากปากต่อปาก ในที่สุดทุกคน จึงตกลงใจลาออกจากงานมาทุ่มเทให้ร้านขนม
ปี 2540 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลจะเปิดสาขาพระราม 3 ก็เสนอพื้นที่ให้เช่า กลายเป็นร้านขนมไทยเจ้าแรกที่เช่าพื้นที่ในห้างฯ
เป็นความโชคดีที่เราเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล พระราม 3 เพราะย่านสาธุประดิษฐ์เป็นย่านการค้าของคนจีน ซึ่งมีกำลังซื้อ มีงานไหว้เจ้า วันตรุษเยอะ แม้จำนวนลูกค้าจะน้อย แต่คนหนึ่งจะซื้อเป็นจำนวนมาก
ชาวต่างชาติ นิยมในความเป้นไทย จะชื่นชอบมากๆเกี่ยวกับอาหารไทยๆ โโยเฉพาะขนมที่เป้นเอกลักษณ์หาทานที่ไหนไม่ได้นอกจากเมืองไทย วันนี้ขนมบ้านอัยการ กับการเตรียมตัว พร้อมจะโกอินเตอร์หากได้มีโอกาสได้เดินทางไปแสดงธุรกิจยังต่างประเทศ จะมีประโยชน์คือ มีโอกาสแนะนำขนมไทย ไปเผยแพร่สินค้าให้เป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศสามารถนัดหมายคู่ค่าที่สำคัญๆ เพื่อพบและเจรจาธุรกิจ รวมถึงได้ซักถามข้อมูลด้านการตลาดและสำรวจตลาดในต่างประเทศโดยคิดว่ากลุ่มประเทศที่จะเป็นประโยชน์หากได้ไปแสดงธุรกิจคือ ยุโรป อเมริกา และสิงคโปร์
ความคิดเห็นของทีมงานที่ปรึกษาเป็นกิจการที่มีศักยภาพ และความพร้อมในด้านทีมงาน ระบบงาน และได้เตรียมความพร้อมของตัวเองในการออกสู่ตลาดสากลแล้ว โดยได้มีการจดทะเบียนตราสินค้าที่ทวีปยุโรปแล้ว
และมีการจัดตั้งบริษัทฯ ในเครือที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อเตรียมการรองรับการเป็น master franchise ในอเมริกามีแผนในการขยายธุรกิจในต่างประเทศคือประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปและมีความพร้อมในการเดินทางเพื่อจัดบูธแสดงธุรกิจในต่างประเทศ
สินค้าและบริการ- จำหน่ายขนมนานาชนิด อาทิเช่น ขนมเปี๊ยะไส้ต่างๆ ,โดนัท,ขนมปังชนิดต่าง,คุกกี้,ขนมสาลี่,กะหรี่พัฟ,ขนมชั้น,พายสับปะรด,กลีบลำดวน,ลูกชุบวุ้นใบเตย,ข้าวเหนียวแก้ว และขนมให้เลือกมากมายอีกหลายชนิด
- บริการทำขนมตามงานเลี้ยงต่างๆ และสั่งสินค้าในราคาตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป มีบริการส่งฟรี (ต่ำกว่า 5,000 บาทเสียค่าบริการจัดส่งตามระยะทาง)
ตารางค่าใช้จ่าย
หัวข้อ ค่าใช้จ่าย
ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 200,000
ค่าออกแบ 20,000
เงินทุนหมุนเวียนต่อเดือน 300,000
สนใจธุรกิจแฟรนไชส์ขนมบ้านอัยการ ติดต่อ
คุณ ธนดา สุวรรณสิทธิ์ที่อยู่ 59/259 หมู่ 3 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
โทรศัพท์ 02-582-1801-4 ดำเนินการโดย บริษัท ยู.เอ็ม.ไทร์ดอเตอร์ จำกัด
Labels:
ขนมไทยบ้านอัยการ,
ขนมบ้านอัยการ
7/04/2011
ก๋วยเตี๋ยวหมูแปดริ้ว
วันนี้ขอเสนอ ไอเดียธุรกิจเรื่องการขายก๋วยเตี๋ยว เพราะว่าก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารมื้อหลัก ที่คนนิยมกินแทนข้าว บางคนชอบมากๆอาจจะกินแทนข้าวในบางมื้อของวันเลยก็มี เพราะก๋วยเตี๋ยวมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ครบครัน
อาหารตามสั่งที่คนนิยมสั่ง 1 ในนั้นต้องมีก๋วยเตี๋ยวอย่างแน่นอน อาชีพขายก๋วยเตี๋ยวน่าสนใจตรงที่ ใครก็ขายได้ อาศัยความขยันขันแข็ง มีใจรักอาชีพสุจริต เก็บหอมรอมริบ ก็สร้างตัวได้จากการขายก๋วยเตี๋ยวเลยก็มี หัวใจหลักของการขายก่วยเตี๋ยวนั้น มีไม่กี่อย่าง น้ำซุป เส้น เครื่องปรุง ที่ต้องมีสูตรเฉพาะ อร่อยไม่เหมือนใคร หม่นปรับปรุงพัฒนา คิดค้น จนเป็นที่ ถูกปากของผู้บริโภครับรองว่า ขายดิบขายดี
ก๋วยเตี๋ยวหมูแปดริ้ว
ก๋วยเตี๋ยวเทรนด์ใหม่สไตล์ญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์ ขายง่าย รายได้ดี ลงทุนไม่สูง คืนทุนเร็ว รสชาติไทย สไตล์ญี่ปุ่น
ลงทุนเบื้องต้น 10,000 บาท
สิ่งที่จะได้รับ
รายละเอียด รถเข็น และอุปกรณ์การขายก๋วยเตี๋ยว
1.รถเข็นหมูก๋วยเตี๋ยวแปดริ้วพร้อมโครงป้ายโฆษณา 1 คืน
2.ตู้โชว์สแตนเลส ขนาด 26 นิ้ว 1 ใบ
3.หม้อก๋วยเตี๋ยว 3 ช่อง พร้อมหลุมลวก 4 หลุม พร้อมฝา 1 ใบ
4.ตะแกรงคว่ำชาม 2 ช่อง 1 อัน
5.ชามแกง 8 นิ้ว สีครีมขาวพร้อม โลโก้ 1-3 สี 60 ใบ
6.ช้อนแกงด้ามยาวปลายงอนสีครีมมขาวพร้อมโลโก้ 1-3 สี 60 คัน
7.ตะเกียบเมลามีน 10.5 นิ้ว สีครีมขาว (1x10 คู่) 6 ชุด
8.ตะกร้อลวกเส้นสแตนเลส ลึก 4 นิ้ว กว้าง 4 เล็ก 1 อัน
9.กระบวยสแตนเลสใหญ่ตักน้ำซุป 1 อัน
10.ชามสแตนเลส 18 ชม. 2 ใบ
11.ชามสแตนเลส 15 ชม. 1 ใบ
12.ชามสแตนเลส 10.5 ชม. 3 ใบ
13.ถังสแตนเลสใส่ถั่วงอก ลึก 10 นิ้ว กว้าง 12 นิ้ว 1 ใบ
14.กล่องสแตนเลสใส่ ตะเกียบ และช้อน 5 กล่อง
15.ชุดใส่พริกพวงสแตนเลส 5 ชุด
16.โต๊ะเหล็ก (แบบพับได้) 5 ตัว
17.เก้าอี้ พลาสติก 20 ตัว
18.ถาดสแตนเลส กว้าง 8 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว ลึก 2 นิ้ว 2 ใบ
19.กรวยสแตนเลสสำหรับใส่ถุงกลับบ้าน 1 อัน
20.กะละมังสแตนเลส ขนาด ยาว 8 นิ้ว ลึก 4 นิ้ว 2 ใบ
21.ถาดสแตนเลส ยาว 17 นิ้ว กว้าง 12.5 นิ้ว ลึก 1.5 นิ้ว 1 ใบ
22.ผ้ากันเปื้อน + หมวก 2 ชุด
23.ถังแช่ 200 ลิตร 1 ใบ
วัตถุดิบผลิตจากเครื่องจักรทันสมัย จัดส่งให้ทุกวัน อร่อยถูกหลักอนามัย ได้คุณค่าทางโภชนาการ
1.ลูกชิ้นอนามัย
2.หมูบดปรุงรส
3.สามชั้นต้มซีอิ๊ว
4.ตับหั่นชิ้นปรุงรส
5.น้ำซุปเข้มข้น
6.กระดูกข้อหมู
7.กระดูกซุปหั่นชิ้น
8.บะหมี่สด
9.กากหมู-กระเทียมเจียว
10.พริกเผา
-อบรมหลักสูตรการปรุงหมูก๋วยเตี๋ยวแปดริ้ว
-อุปกรณ์หมูก๋วยเตี๋ยวแปดริ้ว
สนใจทำธุรกิจ ติดต่อ บริษัท กรุงเทพผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด 26/2 หมู่ 7 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา 24000
โทรศัพท์ : 0-38-593-684-6 ต่อ 122,124 โทรสาร : 038-593-687 หรือ 08-9920-9812 คุณปราโมทย์, 08-9150-2110 ธีรยุทธ์
อาหารตามสั่งที่คนนิยมสั่ง 1 ในนั้นต้องมีก๋วยเตี๋ยวอย่างแน่นอน อาชีพขายก๋วยเตี๋ยวน่าสนใจตรงที่ ใครก็ขายได้ อาศัยความขยันขันแข็ง มีใจรักอาชีพสุจริต เก็บหอมรอมริบ ก็สร้างตัวได้จากการขายก๋วยเตี๋ยวเลยก็มี หัวใจหลักของการขายก่วยเตี๋ยวนั้น มีไม่กี่อย่าง น้ำซุป เส้น เครื่องปรุง ที่ต้องมีสูตรเฉพาะ อร่อยไม่เหมือนใคร หม่นปรับปรุงพัฒนา คิดค้น จนเป็นที่ ถูกปากของผู้บริโภครับรองว่า ขายดิบขายดี
ก๋วยเตี๋ยวหมูแปดริ้ว
ก๋วยเตี๋ยวเทรนด์ใหม่สไตล์ญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์ ขายง่าย รายได้ดี ลงทุนไม่สูง คืนทุนเร็ว รสชาติไทย สไตล์ญี่ปุ่น
ลงทุนเบื้องต้น 10,000 บาท
สิ่งที่จะได้รับ
รายละเอียด รถเข็น และอุปกรณ์การขายก๋วยเตี๋ยว
1.รถเข็นหมูก๋วยเตี๋ยวแปดริ้วพร้อมโครงป้ายโฆษณา 1 คืน
2.ตู้โชว์สแตนเลส ขนาด 26 นิ้ว 1 ใบ
3.หม้อก๋วยเตี๋ยว 3 ช่อง พร้อมหลุมลวก 4 หลุม พร้อมฝา 1 ใบ
4.ตะแกรงคว่ำชาม 2 ช่อง 1 อัน
5.ชามแกง 8 นิ้ว สีครีมขาวพร้อม โลโก้ 1-3 สี 60 ใบ
6.ช้อนแกงด้ามยาวปลายงอนสีครีมมขาวพร้อมโลโก้ 1-3 สี 60 คัน
7.ตะเกียบเมลามีน 10.5 นิ้ว สีครีมขาว (1x10 คู่) 6 ชุด
8.ตะกร้อลวกเส้นสแตนเลส ลึก 4 นิ้ว กว้าง 4 เล็ก 1 อัน
9.กระบวยสแตนเลสใหญ่ตักน้ำซุป 1 อัน
10.ชามสแตนเลส 18 ชม. 2 ใบ
11.ชามสแตนเลส 15 ชม. 1 ใบ
12.ชามสแตนเลส 10.5 ชม. 3 ใบ
13.ถังสแตนเลสใส่ถั่วงอก ลึก 10 นิ้ว กว้าง 12 นิ้ว 1 ใบ
14.กล่องสแตนเลสใส่ ตะเกียบ และช้อน 5 กล่อง
15.ชุดใส่พริกพวงสแตนเลส 5 ชุด
16.โต๊ะเหล็ก (แบบพับได้) 5 ตัว
17.เก้าอี้ พลาสติก 20 ตัว
18.ถาดสแตนเลส กว้าง 8 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว ลึก 2 นิ้ว 2 ใบ
19.กรวยสแตนเลสสำหรับใส่ถุงกลับบ้าน 1 อัน
20.กะละมังสแตนเลส ขนาด ยาว 8 นิ้ว ลึก 4 นิ้ว 2 ใบ
21.ถาดสแตนเลส ยาว 17 นิ้ว กว้าง 12.5 นิ้ว ลึก 1.5 นิ้ว 1 ใบ
22.ผ้ากันเปื้อน + หมวก 2 ชุด
23.ถังแช่ 200 ลิตร 1 ใบ
วัตถุดิบผลิตจากเครื่องจักรทันสมัย จัดส่งให้ทุกวัน อร่อยถูกหลักอนามัย ได้คุณค่าทางโภชนาการ
1.ลูกชิ้นอนามัย
2.หมูบดปรุงรส
3.สามชั้นต้มซีอิ๊ว
4.ตับหั่นชิ้นปรุงรส
5.น้ำซุปเข้มข้น
6.กระดูกข้อหมู
7.กระดูกซุปหั่นชิ้น
8.บะหมี่สด
9.กากหมู-กระเทียมเจียว
10.พริกเผา
-อบรมหลักสูตรการปรุงหมูก๋วยเตี๋ยวแปดริ้ว
-อุปกรณ์หมูก๋วยเตี๋ยวแปดริ้ว
สนใจทำธุรกิจ ติดต่อ บริษัท กรุงเทพผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด 26/2 หมู่ 7 ต.คลองนครเนื่องเขต อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา 24000
โทรศัพท์ : 0-38-593-684-6 ต่อ 122,124 โทรสาร : 038-593-687 หรือ 08-9920-9812 คุณปราโมทย์, 08-9150-2110 ธีรยุทธ์
Labels:
ก๋วยเตี๋ยวหมูแปดริ้ว
6/27/2011
ไก่ทอดสมุนไพร เชียงคำ
โอกาสดีมาถึงแล้ว สำหรับท่านที่กำลังมองหาอาชีพ ที่ไม่ต้องซื้อ แฟรนไชส์ ลงทุนน้อย คืนทุนเร็ว ทำง่าย ขายง่าย ขายดี ได้ลองพิจารณาเปรียบเทียบในทุกๆ ด้านกับหลายๆ อาชีพ
ภาพจากwww.kaitodck.com/
ไก่ทอดสมุนไพรเชียงคำ เป็นอีกอาชีพด้านธุกิจอาหารที่เป็นทางเลือก ซื้อสูตรครั้งเดียว ได้เป็นเจ้าของสูตรได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสียค่าแฟรนไชส์อื่นๆ หรือเสียกำไรแบบต่อเนื่อง อุปกรณ์การทอดไม่แพงมาก กำหนดราคาขายด้วยตัวเอง กำไรวันต่อวัน ครึ่งต่อครึ่ง ทอดไม่หมดวันนี้ เก็บไว้ทอดวันต่อไปได้ไม่เสีย ไม่ต้องลองผิดลองถูก ไม่มีความเสี่ยง และที่สำคัญคือ เป็นอาชีพที่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต อาหารประเถทไก่ทอด มีขายอยู่ทั่วไปทุกตลาด เพราะเป็นอาหารที่กินง่าย ขายง่าย ได้รับความนิยมมาตลอด แต่จะแตกต่างที่รสชาติ ไก่ทอดสมุนไพรเชียงคำ เป็นไก่ทอดที่หมักด้วยสมุนไพร ที่หอมเข้าเนื้อใน แป้งบางกรอบ กลมกล่อม กรอบนอกนุ่มในมีให้เลือกมากมาย เมนู เช่น น่อง สะโพก อก ปีก หนังเอ็นแก้ว โครง ข้อ เป็นต้น
รสชาติจะแตกต่างไปจากไก่ทอดทั่วไป คือการหมักด้วยสมุนไพรสดๆ และเครื่องปรุงที่ลงตัว ไม่เลี่ยน หอมกลิ่นสมุนไพร พร้อมกับสูตรน้ำจิ้มไก่ ที่อร่อยกว่าและประหยัดกว่า 3 เท่า
หากซื้อแบบสำเร็จรูป
ไก่ทอดทั่วไปตามท้องตลาดที่ไม่ได้หมักสมุนไพร รสชาติจะไม่แตกต่างกันมาก แต่จะขายได้มากหรือน้อยก็ตรงที่คุณภาพ และความอร่อยที่แตกต่างที่จะดึงลูกค้ามาได้และที่ขายราคาสูตรไม่แพง เพราะเข้าใจถึงความลำบากที่ตัวเองเคยพบมา การที่ไม่มีอาชีพหลัก และไม่มีเงินมากพอที่จะไปซื้อแฟรนไชส์แพงๆ มันลำบากยังไง
จึงอยากแบ่งปันให้เพื่นร่วมอาชีพที่มีทุนน้อยได้มีโอกาสมีทางเลือก และอาชีพติดตัวไปตลอดชีวิตโดยที่ไม่ต้องลงทุนสูงมาก
เงื่อนไขสำคัญ คือ ห้าม เปลี่ยน ลด ส่วนผสมใดๆ ในสูตร แม้แต่ ยี่ห้อ เครื่องปรุงรส เพราะไม่อยากให้เสียรสชาติ และชื่อเสียงของไก่ทอดเชียงคำ หากลดนั่นลดนี่
มันก็เหมือนไก่ทอดทั่วไปไม่มีอะไรแตกต่าง เพราะรสชาติหอมอร่อย คือจุดขายของเรา
ให้เต็มสูตร ไม่หวงสูตรเพราะจะได้ช่วยกันขยายสาขาและรักษาชื่อเสียงของไก่ทอดเชียงคำไปด้วยกัน ไม่ใช่ขายแค่สูตรเท่านั้น และได้จัดทำ VCD ขึ้นมา
สำหรับท่านที่อยู่ต่างจังหวัดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และเวลาในการเดินทาง เข้าใจง่าย ทุกขั้นตอน จัดส่งให้ทาง EMS
ราคาสูตร 2,900 บาท ไม่ต้องเสียค่าแฟรนไชส์และใช้ชื่อ ไก่ทอดสมุนไพร เชียงคำ ไปด้วยกัน จดสิทธิบัตรแล้ว
1.VCD สาธิต การทำทุกขั้นตอน 2 แผ่น
2.สูตรทุกขั้นตอนอีก 13 แผ่น A4 หมักชิ้นส่วนไก่ได้ทุกชนิด หนัง เอ็นแก้ว น่อง สะโพก ปีก ตีน โครง ฯลฯ
3.เคล็ดลับ เทคนิค คำแนะนำ วิธีการขาย การหมัก การทอด
4.สูตรน้ำจิ้มไก่
5.ป้ายไวนิล 2 เมตร กว้าง 60 เซนติเมตร ราคา 300 บาท (แถมเฉพาะบางเดือนที่ทำโปรโมชั่น เดือนนี้ไม่ได้แถมค่ะ)
6.บริการให้คำปรึกษา แนะนำ ทุกขั้นตอน หากเกิดปัญหาขึ้น สอนให้ท่านทำได้จริง
ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือไปดุสถานที่ขายจริงได้ที่ ข้าง เซเว่น-อีเลฟเว่น ห่างจาก KFC สาขาเชียงคำ 100 เมตร 51/18 ถ.พิศาล อ.เชียงคำ จ.พะเยา ทุกวัน ตั้งแต่ 4โมงเย็น- 2 ทุ่มครึ่ง
หรือติดต่อคุณอำไพ โทร. 087-694-2461
ภาพจากwww.kaitodck.com/
ไก่ทอดสมุนไพรเชียงคำ เป็นอีกอาชีพด้านธุกิจอาหารที่เป็นทางเลือก ซื้อสูตรครั้งเดียว ได้เป็นเจ้าของสูตรได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสียค่าแฟรนไชส์อื่นๆ หรือเสียกำไรแบบต่อเนื่อง อุปกรณ์การทอดไม่แพงมาก กำหนดราคาขายด้วยตัวเอง กำไรวันต่อวัน ครึ่งต่อครึ่ง ทอดไม่หมดวันนี้ เก็บไว้ทอดวันต่อไปได้ไม่เสีย ไม่ต้องลองผิดลองถูก ไม่มีความเสี่ยง และที่สำคัญคือ เป็นอาชีพที่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต อาหารประเถทไก่ทอด มีขายอยู่ทั่วไปทุกตลาด เพราะเป็นอาหารที่กินง่าย ขายง่าย ได้รับความนิยมมาตลอด แต่จะแตกต่างที่รสชาติ ไก่ทอดสมุนไพรเชียงคำ เป็นไก่ทอดที่หมักด้วยสมุนไพร ที่หอมเข้าเนื้อใน แป้งบางกรอบ กลมกล่อม กรอบนอกนุ่มในมีให้เลือกมากมาย เมนู เช่น น่อง สะโพก อก ปีก หนังเอ็นแก้ว โครง ข้อ เป็นต้น
รสชาติจะแตกต่างไปจากไก่ทอดทั่วไป คือการหมักด้วยสมุนไพรสดๆ และเครื่องปรุงที่ลงตัว ไม่เลี่ยน หอมกลิ่นสมุนไพร พร้อมกับสูตรน้ำจิ้มไก่ ที่อร่อยกว่าและประหยัดกว่า 3 เท่า
หากซื้อแบบสำเร็จรูป
ไก่ทอดทั่วไปตามท้องตลาดที่ไม่ได้หมักสมุนไพร รสชาติจะไม่แตกต่างกันมาก แต่จะขายได้มากหรือน้อยก็ตรงที่คุณภาพ และความอร่อยที่แตกต่างที่จะดึงลูกค้ามาได้และที่ขายราคาสูตรไม่แพง เพราะเข้าใจถึงความลำบากที่ตัวเองเคยพบมา การที่ไม่มีอาชีพหลัก และไม่มีเงินมากพอที่จะไปซื้อแฟรนไชส์แพงๆ มันลำบากยังไง
จึงอยากแบ่งปันให้เพื่นร่วมอาชีพที่มีทุนน้อยได้มีโอกาสมีทางเลือก และอาชีพติดตัวไปตลอดชีวิตโดยที่ไม่ต้องลงทุนสูงมาก
เงื่อนไขสำคัญ คือ ห้าม เปลี่ยน ลด ส่วนผสมใดๆ ในสูตร แม้แต่ ยี่ห้อ เครื่องปรุงรส เพราะไม่อยากให้เสียรสชาติ และชื่อเสียงของไก่ทอดเชียงคำ หากลดนั่นลดนี่
มันก็เหมือนไก่ทอดทั่วไปไม่มีอะไรแตกต่าง เพราะรสชาติหอมอร่อย คือจุดขายของเรา
ให้เต็มสูตร ไม่หวงสูตรเพราะจะได้ช่วยกันขยายสาขาและรักษาชื่อเสียงของไก่ทอดเชียงคำไปด้วยกัน ไม่ใช่ขายแค่สูตรเท่านั้น และได้จัดทำ VCD ขึ้นมา
สำหรับท่านที่อยู่ต่างจังหวัดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และเวลาในการเดินทาง เข้าใจง่าย ทุกขั้นตอน จัดส่งให้ทาง EMS
ราคาสูตร 2,900 บาท ไม่ต้องเสียค่าแฟรนไชส์และใช้ชื่อ ไก่ทอดสมุนไพร เชียงคำ ไปด้วยกัน จดสิทธิบัตรแล้ว
1.VCD สาธิต การทำทุกขั้นตอน 2 แผ่น
2.สูตรทุกขั้นตอนอีก 13 แผ่น A4 หมักชิ้นส่วนไก่ได้ทุกชนิด หนัง เอ็นแก้ว น่อง สะโพก ปีก ตีน โครง ฯลฯ
3.เคล็ดลับ เทคนิค คำแนะนำ วิธีการขาย การหมัก การทอด
4.สูตรน้ำจิ้มไก่
5.ป้ายไวนิล 2 เมตร กว้าง 60 เซนติเมตร ราคา 300 บาท (แถมเฉพาะบางเดือนที่ทำโปรโมชั่น เดือนนี้ไม่ได้แถมค่ะ)
6.บริการให้คำปรึกษา แนะนำ ทุกขั้นตอน หากเกิดปัญหาขึ้น สอนให้ท่านทำได้จริง
ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือไปดุสถานที่ขายจริงได้ที่ ข้าง เซเว่น-อีเลฟเว่น ห่างจาก KFC สาขาเชียงคำ 100 เมตร 51/18 ถ.พิศาล อ.เชียงคำ จ.พะเยา ทุกวัน ตั้งแต่ 4โมงเย็น- 2 ทุ่มครึ่ง
หรือติดต่อคุณอำไพ โทร. 087-694-2461
Labels:
ไก่ทอดสมุนไพร เชียงคำ
6/21/2011
ทำวุ้นมะพร้าว ช่องทางสดใสรายได้งาม
วุ้นมะพร้าวเป็นวุ้นชนิดเซลลูโลส มีปริมาณใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายได้ดี เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาการยับถ่าย ท้อป็ผูก ริดสีดวงทวาร มีใยอาหารที่มีคุณภาพสูง ซึ่งใยอาหารนี้มีคุณสมบัติในการปัองกันและรักษาโรคหลาย ๆ ชนิด มีคุณสมบัติใกล้เคียงผัก เพรูาะมีไฟเบอร์สูงอากาศร้อน ๆ หลายคนนึกอยาึ่กจะกินน้ำแข็งใสเย็น ๆให้ชื่นใจ แต่ก็ต้องใส่พวกเฉาก๊วยทุกชิด หรือแห้ว และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นต้องใส่วุ้นมะพร้าวเข้าไปด้วยก็จะได้รสเราจะเห็นวุ้นมะพร้าววางขายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป ทั้งบรรจุในขวดแก้ว ถ้วยพลาสติกและบรรจุในถุง
สาเหตุที่ชักชวนให้มารับประทานวุ้นมะพร้าวกันนั้น เพราะได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเลยทีเดียว เริ่มจาก
ภาพจากthaismefranchise.com
วิธีการทำวุ้นมะพร้าว
1. การเตรียมหัวเชื้อสำหรับหมักวุ้น ในขั้นตอนนี้เป็นการนำหัวเชี้อบริสุทธิ์มาต่อขยายเพื่อเพี่มปริมาณหัวเชื้อให้มากเพียงพอสำหรับการหมักปริมาณหัวเชื้อที่เหมาะสม
ในการต่อขยายหัวเชื้อ สำหรับการหมักที่นิยมใช้กันทั่วไปคือ 5% หากเตรียมหัวเชื้อได้มากอาจเพิ่มขึ้นถึง 10% ก็ได้ การใช้หัวเชื้อปริมาณน้อยจะทำให้
โตช้าและได้แผ่นวุ้นบาง
วิธีเตรียม
นำน้ำมะพร้าวแก่ 2 ลิตร มาต้มให้เดือด เติมน้ำตาลทราย 1 ขีด ต้มต่อไปจนเดือดนาน 10 นาที แบ่งใส่ขวดแม่โขงที่ลวกน้ำร้อน
แล้ว 5 ขวด ขวดละ 400 มิลลิลิตร ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น เต็มหัวน้ำส้มสายชูหรือกรดอะซิติกลงไปเพื่อปรับ PH เป็น 4.5 เต็มหัวเชื้อบริสุทธิ์ลงไปขวดละ
20 มิลลิลิตร ตั้งวางไว้ที่อุณหภูมิห้อง 3-4 วัน จะเห็นแผ่นวุ้นสีขาวขึ้นที่หัวหน้าของน้ำมัะพร้าว จะได้หัวเชื้อที่ขยายแล้วจำนวน 5 ขวด
2.การเตรียมน้ำมะพร้าวและการหมักวุ้นมะพร้าว
1.นำถังใส่น้ำมะพร้าว หรือถุงพลาสติกขนาดจุประมาณ 20-30 ลิตร ไปรอซื้อน้ำมะพร้าว จากโรงกะเทาะมะพร้าว ราคาค่าน้ำมะพร้าวและขนส่งตกราคาประมาณ ลิตรละ 50 สตางค์-1บาท
2.กรองเศษผงที่ติดมากับน้ำมะพร้าวออกให้สะอาดด้วยผ้าเนื้อแน่น นำน้ำมะพร้าวมา 20ลิตร ใส่หม้อตั้งไฟต้มจนเดือด แล้วเติมน้ำตาลทรายลงไป 5 เปอร์เซ็นต์ (ใช้ 1 กิโลกรัมต่อน้ำมะพร้าว 2๐ ลิตร) คนให้ละลาย ต้มต่อไปจนน้ำมะพร้าวเดือดนาน 1๐ นาที ก็ปิดไฟ ยกลงจากเตาเติมแอมโมเนียมซัลเฟตลงไป 0.3-0.5 เปอร์เซ็นต์
3.ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น ปิดฝาให้มิดชิด ห้ามเปิดฝา เพื่อป้องกันไม่ให้มีฝุ่นละอองหรือเชื้อปนเปื้อนลงไปปะปน
4.เมื่อน้ำมะพร้าวเย็นดีแล้ว (ปกติตั้งทิ้งไว้ค้างคืนจะเย็นพอดี) เต็มหัวน้ำส้มสายชู หรือกรดอะซิติกเข้มข้นลงไป เพื่อปรับค่า PH เป็น 4.5 คนให้เข้ากันทัพพีและอุปกรณ์ที่ใช้ ควรลวกน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อก่อน
5.เต็มหัวเชื้อที่ได้ขยายไว้ มีอายุ 3-5 วันลงไปในปริมาณ ประมาณ 5 เปอร์นซ็นต์ (ใช้หัวเชื้อขนาด 400 มิลิลิตรที่เตรียมไว้ประมาณ 3 ขวด)ปริมาณหัวเชื่อที่เหมาะสมคือ 5-10%
6.ใช้กระบวยที่ลวกน้ำร้อนแล้ว ตักน้ำมะพร้าวที่ผสมหัวเชื้อแล้วลงในถาดหมักที่ได้ล้างสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อสารคลอรีน เช่น คลอร็อกซ์และคว่ำไว้จนแห้งดีแล้ว และนำถาดไปลวกน้ำร้อน
เพื่อฆ่าเชื้ออีกชั้นหนึ่งแล้ว โดยตักให้ระดับน้ำมะพร้าวส่งจากก้นถาดหมัก ประมาณ 1 นิ้ว
7.รีบปิดถาดโดยเร็วด้วยกระดาษ ปกตินิยมใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ได้นึ่งฆ่าเชื้อด้วยไอน้ำแล้ว รัฐด้วยยา้ง ถาดหมักบางรุ่นออกแบบมาสำหรบัหมักวุ้นมะพร้าวโดยเฉพาะ จะสามารถตั้งวางซ้อนกันได้ อาจวางซ้อนกันโดยตรงหรือใช้กระดาษหนังสือพิมพ์อยู่ข้างบนลงมาที่แผ่นวุ้นข้างล่างได้
8.ตั้งวางถาดซ้อนกันไว้ ที่อุณหภูมิห้องนาน7-10วัน ก็จะได้แผ่นวุ้นมะพร้าวหนา ประมาณ 1.2-1.5 เซนติเมตร ลักษณะวุ้นมะพร้าวคุณภาพดีมีเนื้อวุ้นทีเนียนนุ่มเรียบเป็นมัน มีความเหนียวหนึบใช้นิ้วหยิกหรือกดเนื้อวุ้นก็ไม่ขาดจากกัน
การเตรียมวุ้นมะพร้าวเพื่อนำไปแปรรูป
วุ้นมะพร้าวที่หมักเสร็จใหม่ ๆ จะมีสารอาหารจากน้ำมะพร้าว ได้แก่ น้ำตาลและกรดอยู่ที่แผ่นวุ้นมาก ก่อนนำมาใช้ประโยชน์หรือนำมาแปรรูปต้องล้างออกโดยแช่ในน้ำและหมั่นเปลียนถ่ายน้ำ
หลาย ๆ ครั้ง อาจแช่ค้างคืนและเปลี่ยนถ่ายน้ำวันละ 3-4 ครั้ง หรือจะใช้วิธีการต้มในน้ำร้อนให้เดือดและเปลี่ยนถ่ายน้ำ 3-4 ครั้งก็ได้ ทั้งนี้การหั่นวุ้นเป็นชิ้นสี่เหลียมเล็ก ๆ ขนาดเท่าลูกเต๋า ก็จะทำให้
ล้างเอากรดออกได้ง่ายขึ้น เมื่อล้างเอากรดออกหมดวุ้นก็จะจืดสนิทไม่เปรี้ยว วุ้นที่จืดสนิทไม่เปรี้ยวนี้ หากแช่น้ำทิ้งไว้ค้างคืนจะเสียและเหม็นเน่าได้ง่าย ควรรีบนำมาแปรรูปหรือเชื่อมโดยเร็ว
งบประมาณสำหรับขนาดกำลังผลิต 40 กิโลกรัม/วัน
เตาแก๊สชนิดหัวเร่ง พร้อมค่าประกันถัง 2 ชุด 5,000 บาท
หม้อต้มน้ำมะพร้าวขนาดเบอร์ 16 จำนวน 3 ใบ 2,400 บาท
ถาดพลาสติก 800 ใบ 24,000 บาท
ถังใส่น้ำมะพร้าว ขนาดบรรจุ 20-30 ลิตร 8ใบ 800 บาท
ถังใส่วุ้น ขนาด 200 ลิตร 4 ใบ หรือ100 ลิตร 8 ใบ 2,800 บาท
เครื่องมืออุปกรณ์ทั่วไปอื่น ๆ ได้แก่ ถังน้ำ ถุงมือ มีด ทัพพี 1,000 บาท
**รวมต้นทุนอุปกรณ์การผลิต 36,000 บาท
เงินหมุนเวียน สำหรับซื้อวัสดุการผลิต ได้แก่
น้ำมะพร้าว น้ำตาล น้ำยาซักฟอก 4,000 บาท
รวมเงินลงทุน 40,000 บาท
ประมาณการต้นทุนวัสดุ ปริมาณผลิตวันละ 40 กิโลกรัม
-น้ำมะพร้าวแก่ รวมค่าขนส่ง(60-80 ลิตรต่อวัน) 70 บาท
-น้ำตาลทราย 3.7 กิโลกรัม 80 บาท
-หัวน้ำส้มสายชู (กรดอะซิติก) 40 บาท
-แอมโมเนียมซัลเฟต 10 บาท
-เชื้อเพลิง 100 บาท
-น้ำยาฆ่าเชึ้อ น้ำยาซักล้าง 20 บาท
-ค่าเสื่อมราคา 40 บาท อึ่น ๆ 20 บาท
สาเหตุที่ชักชวนให้มารับประทานวุ้นมะพร้าวกันนั้น เพราะได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายเลยทีเดียว เริ่มจาก
ภาพจากthaismefranchise.com
วิธีการทำวุ้นมะพร้าว
1. การเตรียมหัวเชื้อสำหรับหมักวุ้น ในขั้นตอนนี้เป็นการนำหัวเชี้อบริสุทธิ์มาต่อขยายเพื่อเพี่มปริมาณหัวเชื้อให้มากเพียงพอสำหรับการหมักปริมาณหัวเชื้อที่เหมาะสม
ในการต่อขยายหัวเชื้อ สำหรับการหมักที่นิยมใช้กันทั่วไปคือ 5% หากเตรียมหัวเชื้อได้มากอาจเพิ่มขึ้นถึง 10% ก็ได้ การใช้หัวเชื้อปริมาณน้อยจะทำให้
โตช้าและได้แผ่นวุ้นบาง
วิธีเตรียม
นำน้ำมะพร้าวแก่ 2 ลิตร มาต้มให้เดือด เติมน้ำตาลทราย 1 ขีด ต้มต่อไปจนเดือดนาน 10 นาที แบ่งใส่ขวดแม่โขงที่ลวกน้ำร้อน
แล้ว 5 ขวด ขวดละ 400 มิลลิลิตร ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น เต็มหัวน้ำส้มสายชูหรือกรดอะซิติกลงไปเพื่อปรับ PH เป็น 4.5 เต็มหัวเชื้อบริสุทธิ์ลงไปขวดละ
20 มิลลิลิตร ตั้งวางไว้ที่อุณหภูมิห้อง 3-4 วัน จะเห็นแผ่นวุ้นสีขาวขึ้นที่หัวหน้าของน้ำมัะพร้าว จะได้หัวเชื้อที่ขยายแล้วจำนวน 5 ขวด
2.การเตรียมน้ำมะพร้าวและการหมักวุ้นมะพร้าว
1.นำถังใส่น้ำมะพร้าว หรือถุงพลาสติกขนาดจุประมาณ 20-30 ลิตร ไปรอซื้อน้ำมะพร้าว จากโรงกะเทาะมะพร้าว ราคาค่าน้ำมะพร้าวและขนส่งตกราคาประมาณ ลิตรละ 50 สตางค์-1บาท
2.กรองเศษผงที่ติดมากับน้ำมะพร้าวออกให้สะอาดด้วยผ้าเนื้อแน่น นำน้ำมะพร้าวมา 20ลิตร ใส่หม้อตั้งไฟต้มจนเดือด แล้วเติมน้ำตาลทรายลงไป 5 เปอร์เซ็นต์ (ใช้ 1 กิโลกรัมต่อน้ำมะพร้าว 2๐ ลิตร) คนให้ละลาย ต้มต่อไปจนน้ำมะพร้าวเดือดนาน 1๐ นาที ก็ปิดไฟ ยกลงจากเตาเติมแอมโมเนียมซัลเฟตลงไป 0.3-0.5 เปอร์เซ็นต์
3.ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น ปิดฝาให้มิดชิด ห้ามเปิดฝา เพื่อป้องกันไม่ให้มีฝุ่นละอองหรือเชื้อปนเปื้อนลงไปปะปน
4.เมื่อน้ำมะพร้าวเย็นดีแล้ว (ปกติตั้งทิ้งไว้ค้างคืนจะเย็นพอดี) เต็มหัวน้ำส้มสายชู หรือกรดอะซิติกเข้มข้นลงไป เพื่อปรับค่า PH เป็น 4.5 คนให้เข้ากันทัพพีและอุปกรณ์ที่ใช้ ควรลวกน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อก่อน
5.เต็มหัวเชื้อที่ได้ขยายไว้ มีอายุ 3-5 วันลงไปในปริมาณ ประมาณ 5 เปอร์นซ็นต์ (ใช้หัวเชื้อขนาด 400 มิลิลิตรที่เตรียมไว้ประมาณ 3 ขวด)ปริมาณหัวเชื่อที่เหมาะสมคือ 5-10%
6.ใช้กระบวยที่ลวกน้ำร้อนแล้ว ตักน้ำมะพร้าวที่ผสมหัวเชื้อแล้วลงในถาดหมักที่ได้ล้างสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อสารคลอรีน เช่น คลอร็อกซ์และคว่ำไว้จนแห้งดีแล้ว และนำถาดไปลวกน้ำร้อน
เพื่อฆ่าเชื้ออีกชั้นหนึ่งแล้ว โดยตักให้ระดับน้ำมะพร้าวส่งจากก้นถาดหมัก ประมาณ 1 นิ้ว
7.รีบปิดถาดโดยเร็วด้วยกระดาษ ปกตินิยมใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ได้นึ่งฆ่าเชื้อด้วยไอน้ำแล้ว รัฐด้วยยา้ง ถาดหมักบางรุ่นออกแบบมาสำหรบัหมักวุ้นมะพร้าวโดยเฉพาะ จะสามารถตั้งวางซ้อนกันได้ อาจวางซ้อนกันโดยตรงหรือใช้กระดาษหนังสือพิมพ์อยู่ข้างบนลงมาที่แผ่นวุ้นข้างล่างได้
8.ตั้งวางถาดซ้อนกันไว้ ที่อุณหภูมิห้องนาน7-10วัน ก็จะได้แผ่นวุ้นมะพร้าวหนา ประมาณ 1.2-1.5 เซนติเมตร ลักษณะวุ้นมะพร้าวคุณภาพดีมีเนื้อวุ้นทีเนียนนุ่มเรียบเป็นมัน มีความเหนียวหนึบใช้นิ้วหยิกหรือกดเนื้อวุ้นก็ไม่ขาดจากกัน
การเตรียมวุ้นมะพร้าวเพื่อนำไปแปรรูป
วุ้นมะพร้าวที่หมักเสร็จใหม่ ๆ จะมีสารอาหารจากน้ำมะพร้าว ได้แก่ น้ำตาลและกรดอยู่ที่แผ่นวุ้นมาก ก่อนนำมาใช้ประโยชน์หรือนำมาแปรรูปต้องล้างออกโดยแช่ในน้ำและหมั่นเปลียนถ่ายน้ำ
หลาย ๆ ครั้ง อาจแช่ค้างคืนและเปลี่ยนถ่ายน้ำวันละ 3-4 ครั้ง หรือจะใช้วิธีการต้มในน้ำร้อนให้เดือดและเปลี่ยนถ่ายน้ำ 3-4 ครั้งก็ได้ ทั้งนี้การหั่นวุ้นเป็นชิ้นสี่เหลียมเล็ก ๆ ขนาดเท่าลูกเต๋า ก็จะทำให้
ล้างเอากรดออกได้ง่ายขึ้น เมื่อล้างเอากรดออกหมดวุ้นก็จะจืดสนิทไม่เปรี้ยว วุ้นที่จืดสนิทไม่เปรี้ยวนี้ หากแช่น้ำทิ้งไว้ค้างคืนจะเสียและเหม็นเน่าได้ง่าย ควรรีบนำมาแปรรูปหรือเชื่อมโดยเร็ว
งบประมาณสำหรับขนาดกำลังผลิต 40 กิโลกรัม/วัน
เตาแก๊สชนิดหัวเร่ง พร้อมค่าประกันถัง 2 ชุด 5,000 บาท
หม้อต้มน้ำมะพร้าวขนาดเบอร์ 16 จำนวน 3 ใบ 2,400 บาท
ถาดพลาสติก 800 ใบ 24,000 บาท
ถังใส่น้ำมะพร้าว ขนาดบรรจุ 20-30 ลิตร 8ใบ 800 บาท
ถังใส่วุ้น ขนาด 200 ลิตร 4 ใบ หรือ100 ลิตร 8 ใบ 2,800 บาท
เครื่องมืออุปกรณ์ทั่วไปอื่น ๆ ได้แก่ ถังน้ำ ถุงมือ มีด ทัพพี 1,000 บาท
**รวมต้นทุนอุปกรณ์การผลิต 36,000 บาท
เงินหมุนเวียน สำหรับซื้อวัสดุการผลิต ได้แก่
น้ำมะพร้าว น้ำตาล น้ำยาซักฟอก 4,000 บาท
รวมเงินลงทุน 40,000 บาท
ประมาณการต้นทุนวัสดุ ปริมาณผลิตวันละ 40 กิโลกรัม
-น้ำมะพร้าวแก่ รวมค่าขนส่ง(60-80 ลิตรต่อวัน) 70 บาท
-น้ำตาลทราย 3.7 กิโลกรัม 80 บาท
-หัวน้ำส้มสายชู (กรดอะซิติก) 40 บาท
-แอมโมเนียมซัลเฟต 10 บาท
-เชื้อเพลิง 100 บาท
-น้ำยาฆ่าเชึ้อ น้ำยาซักล้าง 20 บาท
-ค่าเสื่อมราคา 40 บาท อึ่น ๆ 20 บาท
Labels:
ทำวุ้นมะพร้าว,
วิธีทำวุ้นมะพร้าว,
วุ้นมะพร้าว
6/16/2011
ร้านหนังสือนายอินทร์
คงมีคนจำนวนไม่น้อยแน่ๆที่อยากเปิดร้านหนังสือ เป็นของตัวเอง แต่ถ้าขาดประสบการณ์และความรู้จะทำยังไง คิดว่าน่าจะเข้าระบบแฟรนไชส์จะดีกว่าซึ่งโดยส่วนตัวแล้วชอบรูปแบบของร้านนายอินทร์ซึ่งเป็นร้านที่มีชื่อเสียง มีการคืนกำไรให้แก่ผู้บริโภค โดยมีที่ให้นั่งอ่านหนังสือ และมีกิจกรรมต่างๆ ให้ลูกค้าสิทธิประโยชน์ก็ได้รับ ตั้งแต่เปิดร้านมาทางบริษัทฯ มการจัดอบรมเจ้าของร้านผู้จัดการร้าน และพนักงานทุกระดับเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในลักษณะงานที่ทำและได้รับการสนับสนุนทางด้านการตลาดโดยมีรูปแบบสมาขิก และมีการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าซึ่งถือเป็นการประชาสัมพันธ์ชื่อร้าน
ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นตั้งแต่เปิดดำเนินธุรกิจเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
ภาพจากnaiin.com/
รูปแบบแฟรนไชส์ร้านนายอินทร์
1. นายอินทร์ แฟรนไชส แบบเครือข่าย (Franchise Network)
เป็นแฟรนไชส์ที่บริษัทฯ เข้าไปมีส่วนควบคุมดูแลการดำเนินงานภายในร้านนายอินทร์ แฟรนไชส์เหมือนกับนายอินทร์แฟรนไชส์แบบเต็มรูปแบบ ยกเว้นในส่วนการบริหารและการสั่งซื้อสินค้าร้านนายอินทร์แฟรนไชส์เป็นผู้รับผิดชอบโดยบริษัทฯจะให้ความสนับสนุนด้านข้อมูลการตลาด เพื่อผลักดันให้การให้บริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแฟรนไชส์รูปแบบนี้จะเปิดดำเนินธุรกิจเฉพาะพื้นที่ในต่างจังหวัด
คุณสมบัติของผู้ขอรับสิทธ์เครื่องหมายการค้า
-เป็นบุคคลที่มีจริยธรรมและจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ
-ต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย
-ตัองเป็นเจ้าของสถานที่หรือเจ้าของสิทธิ์เช่าสถานที่โดยมีสัญญาเช่าไม่น้อยกว่า 3 ปี
-มีความพร้อมทางด้านการเงิน
เอกสารประกอบการสมัครเป็นผู้รับสิทธิ์ แฟรนไชส์ ร้านนายอินทร์
-สำเนาบัตรประขาชน
-สำเนา ทะเบียน บ้าน
-รูปถ่ายภาพหน้าตรงจำนวน 2 รูป
-หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
-ใบแจ้งยอดบัญชีธนาคารย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน หรีอสำเนาสมุดเงินฝากธนาคารย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือนรวมทั้งแผ่นหน้าสุดที่มีชื่อและเลขที่บัญชีปรากฎอยู่
-สิทธิประโยชน์จากแฟรนไชส์ร้านนายอินทร์
รายการ
แฟรนไชส์กรุงเทพฯ
แฟรนไชส์ต่างจังหวัด
1. ระยะเวลาในการได้รับสิทธิ์
10 ปี หรือขึ้นอยู่กับสัญญาการให้พื้นที่
2. สนับสนุนการเลือกทำเล และการตกแต่งร้าน ตลอดจนการจัดร้าน
บริษัทฯ ให้คำปรึกษาและร่วมตัดสินใจในการเลือกทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม และ ร่วมตัดสินใจพร้อมกับเจ้าของและผู้บริหารร้านนายอินทร์แฟรนไชส์ บริษัทฯ ให้คำปรึกษาและออกแบบร้านตามแนวทางของร้านนายอินทร์ พร้อม กับรายละเอียดของวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้
และแนะนำผู้รับเหมาตกแต่งให้กับผู้รับสิทธิ์ซึ่งผู้รับสิทธิ์สามารถหาผู้รับเหมาตกแต่งเพื่อเปรียบเทียบราคาและตัดสินใจเลือก ผู้รับเหมาตกแต่งเองได้
บริษัทฯ จะส่งทีมงานสนับสนุนไปช่วยให้คำแนะนำในการจัดวางหนังสือโดยแยกเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจนตามภาพลักษณ์ของร้านนายอินทร์ บริษัทฯ ให้คำปรึกษาและร่วมตัดสินใจโนการเลือกทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม และ ร่วมตัดสินใจพร้อมกับเจ้าของและผู้บริหารร้านนายอินทร์แฟรนไชส์บริษัทฯ ให้คำปรึกษาและออกแบบร้านตามแนวทางของร้านนายอินทร์ พร้อม กับรายละเอียดของวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ และแนะนำผู้รับเหมาตกแต่งให้กับผู้รับ สิทธิ์ชึ่งผู้รับสิทธิ์สามารถหาผู้รับเหมาตกแต่งเพื่อเปรียบเทียบราคา และตัดสินใจ เลือกผู้รับเหมาตกแต่งเองได้ บริษัทฯ จะส่งทีมงานสนับสนุนไปช่วยให้คำแนะนำในการจัดวางหนังสือโดยแยก เป็นหมวดหมู่อย่าง ชัดเจนตามภาพลักษณ์ของร้านนายอินทร์
3. การบริหารและการจัดการภายใน
บริษัทฯ จะอบรมให้กับผู้รับสิทธิ์ในด้านต่างๆ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เกี่ยว กับเทคนิคการบริหาร การจัดการร้าน ตลอดจนการบริหารสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคนิคการขายและการให้บริการ ณ จุดขาย การบริการหลังการขายให้กับพนักงาน และผู้บริหารร้านนายอินทร์แฟรนไชส์
บริษัทฯ จะให้การอบรมเพิ่มเติมตามสมควร
บริษัทฯ ให้ความช่วยเหลือ แนะนำการแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
บริษัทฯ จะอบรมให้กับผู้รับสิทธิ์ โนด้านต่างๆ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เกี่ยวกับเทคนิคการบริหาร การจัดการร้าน ตลอดจนการบริหารสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิคการขายและการให้บริการ ณ จุดขาย การบริการหลังการขายให้กับพนักงานและผู้บริหารร้านนายอินทร์แฟรนไชส์บริษัทฯ จะให้การอบรมเพิ่มเติมตามสมควร
4. การสนับสนุนด้านการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขาย
บริษัทฯ ให้สิทธิ์การใช้รูปแบบและเครื่องหมายการค้ารวมทั้งเครื่องแบบพนักงานด้านนายอินทร์ที่เป็นเอกลักษณ์เดียวกัน
บริษัทฯ ให้ความร่วมมือและคำแนะนำในการวางกลยุทธ์ส่งเสริมการขายและแนวทางการวางแผนการตลาดอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่เตรียมการเปิดร้าน ตลอดจนการผลักดันยอดขายจากทีมงานการตลาดของบริษัทบริษัทฯ ให้สิทธิ์การใช้รูปแบบและเครื่องหมายการค้ารวมทั้งเครื่องแบบพนักงานร้านนายจันทร์ที่เป็นเอกลักษณ์เดียวกัน บริษัทฯ ให้ความร่วมมือและคำแนะนำในการวางกลยุทธ์ส่งเสริมการขายและแนวทางการวางแผนการตลาดอย่างต่อเนือง เริ่มตั้งแต่เตรียมการเปิดร้าน ตลอดจนการผลักดันยอดขายจากทีมงานการตลาดของบริษัท
5. การฝึกอบรม
บริษัทฯ จะให้การอบรมผู้รับสิทธิ์และพนักงานอย่างต่อเนื่อง (โดยทางบริษัทฯ จะคิดค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง)
บริษัทฯ จะให้การอบรมผู้รับสิทธิ์และพนักงานอย่างต่อเนื่อง (โดยทางบริษัทฯ จะคิดค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง)
6. การสนับสนุนด้านการสั่งซื้อ
บริษัทฯให้บริการด้านการจัดซื้อ จัดส่งหนังสือใหม่ของทุกสำนักพิมพ์และของทุกผู้จัดจำหน่ายทันที พร้อมบริการพิมพ์รหัสแท่ง (BARCODE)บริษัทฯ ให้บริการดูแลจำนวนฉนค้าคงเหลือภายในร้านนายอินทร์ แฟรนไชส์พร้อมทั้งเสริมส่วนขาดของหนังสือที่ขายดีทุกปกที่มีจำหน่ายเพื่อให้มีเพียงพอต่อการขายบริษัทฯ ให้บริการด้านการจัดชื้อ จัดส่งหนังสือ ที่บริษัทอมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายหรือเป็นเจ้าของสิทธิ
7. การตรวจนับสินค้าคงคลัง
บริษัทฯ จะส่งทีมงานพร้อมอุปกรณคอมพิวเตอร์ ไปให้คำแนะนำการตรวจนับสินค้าคงคลัง และให้ความช่วยเหลีอเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ตลอดการตรวจนับในแต่ละครั้งบริษัทฯ จะส่งทีมงานพร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไปให้คำแนะนำการตรวจนับสินค้าคงคลัง และให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ตลอดการตรวจนับในแต่ละครั้ง(จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเดินทางและค่าพักแรมสำหรับพนักงานที่บริษัทฯ ส่งไปช่วยเหลือในการตรวจนับนค้าคงคลัง)
8. การตรวจประเมินคุณภาพ
บริษัทฯ จะส่งทีมงานของทางบริษัทฯ ไปทำการตรวจประเมินคุณภาพการปฏิบัติงานของพนักงาน รวมถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยของร้านนายอินทร์แฟรนไชส์เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของบริษัท ซึ่งได้รับการรับรองมาตราฐานสากลISO 9002
บริษัทฯ จะส่งทีมงานของทางบริษัทฯ ไปทำการตรวจประเมินคณภาพการปฏิบัติงานของพนักงาน รวมถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยของร้านนายอินทร์แฟรนไชส์เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานของบริษัท
ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานสากลISO 9002 (จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเดินทางและคาพักแรมสำหรับพนักงานที่บริษัทฯ ส่งไปตรวจประเมิน)
สนใจร่วมธุรกิจร้านหนังสือกับร้านนายอินทร์
ติดต่อแผนกแฟรนไชส์ : บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด
เลขที่ 65/60- 62 หมู่ 4 ถ.ชัยพฤกษ์ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170
โทรศัพท์ 0-2882-2000 ต่อ 3213 และ 3214
โทรสาร 0-2882-2000 ต่อ 3602
ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นตั้งแต่เปิดดำเนินธุรกิจเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
ภาพจากnaiin.com/
รูปแบบแฟรนไชส์ร้านนายอินทร์
1. นายอินทร์ แฟรนไชส แบบเครือข่าย (Franchise Network)
เป็นแฟรนไชส์ที่บริษัทฯ เข้าไปมีส่วนควบคุมดูแลการดำเนินงานภายในร้านนายอินทร์ แฟรนไชส์เหมือนกับนายอินทร์แฟรนไชส์แบบเต็มรูปแบบ ยกเว้นในส่วนการบริหารและการสั่งซื้อสินค้าร้านนายอินทร์แฟรนไชส์เป็นผู้รับผิดชอบโดยบริษัทฯจะให้ความสนับสนุนด้านข้อมูลการตลาด เพื่อผลักดันให้การให้บริการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแฟรนไชส์รูปแบบนี้จะเปิดดำเนินธุรกิจเฉพาะพื้นที่ในต่างจังหวัด
คุณสมบัติของผู้ขอรับสิทธ์เครื่องหมายการค้า
-เป็นบุคคลที่มีจริยธรรมและจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ
-ต้องเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย
-ตัองเป็นเจ้าของสถานที่หรือเจ้าของสิทธิ์เช่าสถานที่โดยมีสัญญาเช่าไม่น้อยกว่า 3 ปี
-มีความพร้อมทางด้านการเงิน
เอกสารประกอบการสมัครเป็นผู้รับสิทธิ์ แฟรนไชส์ ร้านนายอินทร์
-สำเนาบัตรประขาชน
-สำเนา ทะเบียน บ้าน
-รูปถ่ายภาพหน้าตรงจำนวน 2 รูป
-หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท
-ใบแจ้งยอดบัญชีธนาคารย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน หรีอสำเนาสมุดเงินฝากธนาคารย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือนรวมทั้งแผ่นหน้าสุดที่มีชื่อและเลขที่บัญชีปรากฎอยู่
-สิทธิประโยชน์จากแฟรนไชส์ร้านนายอินทร์
รายการ
แฟรนไชส์กรุงเทพฯ
แฟรนไชส์ต่างจังหวัด
1. ระยะเวลาในการได้รับสิทธิ์
10 ปี หรือขึ้นอยู่กับสัญญาการให้พื้นที่
2. สนับสนุนการเลือกทำเล และการตกแต่งร้าน ตลอดจนการจัดร้าน
บริษัทฯ ให้คำปรึกษาและร่วมตัดสินใจในการเลือกทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม และ ร่วมตัดสินใจพร้อมกับเจ้าของและผู้บริหารร้านนายอินทร์แฟรนไชส์ บริษัทฯ ให้คำปรึกษาและออกแบบร้านตามแนวทางของร้านนายอินทร์ พร้อม กับรายละเอียดของวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้
และแนะนำผู้รับเหมาตกแต่งให้กับผู้รับสิทธิ์ซึ่งผู้รับสิทธิ์สามารถหาผู้รับเหมาตกแต่งเพื่อเปรียบเทียบราคาและตัดสินใจเลือก ผู้รับเหมาตกแต่งเองได้
บริษัทฯ จะส่งทีมงานสนับสนุนไปช่วยให้คำแนะนำในการจัดวางหนังสือโดยแยกเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจนตามภาพลักษณ์ของร้านนายอินทร์ บริษัทฯ ให้คำปรึกษาและร่วมตัดสินใจโนการเลือกทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม และ ร่วมตัดสินใจพร้อมกับเจ้าของและผู้บริหารร้านนายอินทร์แฟรนไชส์บริษัทฯ ให้คำปรึกษาและออกแบบร้านตามแนวทางของร้านนายอินทร์ พร้อม กับรายละเอียดของวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ และแนะนำผู้รับเหมาตกแต่งให้กับผู้รับ สิทธิ์ชึ่งผู้รับสิทธิ์สามารถหาผู้รับเหมาตกแต่งเพื่อเปรียบเทียบราคา และตัดสินใจ เลือกผู้รับเหมาตกแต่งเองได้ บริษัทฯ จะส่งทีมงานสนับสนุนไปช่วยให้คำแนะนำในการจัดวางหนังสือโดยแยก เป็นหมวดหมู่อย่าง ชัดเจนตามภาพลักษณ์ของร้านนายอินทร์
3. การบริหารและการจัดการภายใน
บริษัทฯ จะอบรมให้กับผู้รับสิทธิ์ในด้านต่างๆ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เกี่ยว กับเทคนิคการบริหาร การจัดการร้าน ตลอดจนการบริหารสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคนิคการขายและการให้บริการ ณ จุดขาย การบริการหลังการขายให้กับพนักงาน และผู้บริหารร้านนายอินทร์แฟรนไชส์
บริษัทฯ จะให้การอบรมเพิ่มเติมตามสมควร
บริษัทฯ ให้ความช่วยเหลือ แนะนำการแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
บริษัทฯ จะอบรมให้กับผู้รับสิทธิ์ โนด้านต่างๆ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เกี่ยวกับเทคนิคการบริหาร การจัดการร้าน ตลอดจนการบริหารสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิคการขายและการให้บริการ ณ จุดขาย การบริการหลังการขายให้กับพนักงานและผู้บริหารร้านนายอินทร์แฟรนไชส์บริษัทฯ จะให้การอบรมเพิ่มเติมตามสมควร
4. การสนับสนุนด้านการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขาย
บริษัทฯ ให้สิทธิ์การใช้รูปแบบและเครื่องหมายการค้ารวมทั้งเครื่องแบบพนักงานด้านนายอินทร์ที่เป็นเอกลักษณ์เดียวกัน
บริษัทฯ ให้ความร่วมมือและคำแนะนำในการวางกลยุทธ์ส่งเสริมการขายและแนวทางการวางแผนการตลาดอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่เตรียมการเปิดร้าน ตลอดจนการผลักดันยอดขายจากทีมงานการตลาดของบริษัทบริษัทฯ ให้สิทธิ์การใช้รูปแบบและเครื่องหมายการค้ารวมทั้งเครื่องแบบพนักงานร้านนายจันทร์ที่เป็นเอกลักษณ์เดียวกัน บริษัทฯ ให้ความร่วมมือและคำแนะนำในการวางกลยุทธ์ส่งเสริมการขายและแนวทางการวางแผนการตลาดอย่างต่อเนือง เริ่มตั้งแต่เตรียมการเปิดร้าน ตลอดจนการผลักดันยอดขายจากทีมงานการตลาดของบริษัท
5. การฝึกอบรม
บริษัทฯ จะให้การอบรมผู้รับสิทธิ์และพนักงานอย่างต่อเนื่อง (โดยทางบริษัทฯ จะคิดค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง)
บริษัทฯ จะให้การอบรมผู้รับสิทธิ์และพนักงานอย่างต่อเนื่อง (โดยทางบริษัทฯ จะคิดค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง)
6. การสนับสนุนด้านการสั่งซื้อ
บริษัทฯให้บริการด้านการจัดซื้อ จัดส่งหนังสือใหม่ของทุกสำนักพิมพ์และของทุกผู้จัดจำหน่ายทันที พร้อมบริการพิมพ์รหัสแท่ง (BARCODE)บริษัทฯ ให้บริการดูแลจำนวนฉนค้าคงเหลือภายในร้านนายอินทร์ แฟรนไชส์พร้อมทั้งเสริมส่วนขาดของหนังสือที่ขายดีทุกปกที่มีจำหน่ายเพื่อให้มีเพียงพอต่อการขายบริษัทฯ ให้บริการด้านการจัดชื้อ จัดส่งหนังสือ ที่บริษัทอมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายหรือเป็นเจ้าของสิทธิ
7. การตรวจนับสินค้าคงคลัง
บริษัทฯ จะส่งทีมงานพร้อมอุปกรณคอมพิวเตอร์ ไปให้คำแนะนำการตรวจนับสินค้าคงคลัง และให้ความช่วยเหลีอเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ตลอดการตรวจนับในแต่ละครั้งบริษัทฯ จะส่งทีมงานพร้อมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไปให้คำแนะนำการตรวจนับสินค้าคงคลัง และให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ตลอดการตรวจนับในแต่ละครั้ง(จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเดินทางและค่าพักแรมสำหรับพนักงานที่บริษัทฯ ส่งไปช่วยเหลือในการตรวจนับนค้าคงคลัง)
8. การตรวจประเมินคุณภาพ
บริษัทฯ จะส่งทีมงานของทางบริษัทฯ ไปทำการตรวจประเมินคุณภาพการปฏิบัติงานของพนักงาน รวมถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยของร้านนายอินทร์แฟรนไชส์เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของบริษัท ซึ่งได้รับการรับรองมาตราฐานสากลISO 9002
บริษัทฯ จะส่งทีมงานของทางบริษัทฯ ไปทำการตรวจประเมินคณภาพการปฏิบัติงานของพนักงาน รวมถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยของร้านนายอินทร์แฟรนไชส์เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานของบริษัท
ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานสากลISO 9002 (จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเดินทางและคาพักแรมสำหรับพนักงานที่บริษัทฯ ส่งไปตรวจประเมิน)
สนใจร่วมธุรกิจร้านหนังสือกับร้านนายอินทร์
ติดต่อแผนกแฟรนไชส์ : บริษัท อมรินทร์ บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด
เลขที่ 65/60- 62 หมู่ 4 ถ.ชัยพฤกษ์ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170
โทรศัพท์ 0-2882-2000 ต่อ 3213 และ 3214
โทรสาร 0-2882-2000 ต่อ 3602
Labels:
ร้านหนังสือนายอินทร์,
หนังสือนายอินทร์
6/09/2011
ดรีมเบเกอร์รี่
ธุรกิจเบเกอร์รี่ เป็นธุรกิจอาหาร เบเกอร์รี่เป็นขนมกินเล่น หอมหวาน ที่เราเอาวัฒนธรรมการกินมาจากตะวันตก ธุรกิจเบเกอร์รี่นี้ มีการขยายตัวอย่างมาก คนไทยนิยมกินเบเกอร์รี่กันมากขึ้น กินได้ทุกเพศทุกวัย เป็นธุรกิจที่น่าสนใจ น่าลงทุน สามารถประยุกต์รวมกับธุรกิจอื่นๆได้ เช่น ธุรกิจนมสด หรือกาแฟ สำหรับท่านที่สนใจอยากจะทำธูรกิจเบเกอร์รี่ วันนี้มีข้อมูลดีๆมีให้ลองตัดสินใจดูนะครับ
รายละเอียดของดรีมเบเกอร์รี่
ดรีมเบเกอร์รี่ คือเบเกอร์รี่พันธุ์ไทย สไตล์โรงแรม เพื่อให้บุคคลทั่วไป สามารถบริโภคเบเกอร์รี่ระดับโรงแรม แต่ราคาสบายๆ
ประวัติ : บริษัทดรีมเบเกอร์รี่ไทย จำกัด ดำเนินการด้านธุรกิจเบเกอร์รี่ครบวงจร ผลิตและ
จัดจำหน่ายเบเกอร์รี่ทุกชนิดโดยทีมผู้บริหารงานโรงแรม และฝ่ายผลิตจากโรงแรมระดับ 5 ดาว
จุดแข็งของดรีมเบเกอร์รี่
1. จ่ายมัดจำ 30% ก็สามารถเริ่มธุรกิจได้ทันที
2. ใช้พื้นที่น้อย
3. ผลตอบแทนสูง ระยะคืนทุนสั้น
4. เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้บริโภคมีโอกาสซื้อซ้ำ
คุณสมบัติของผู้ขอสิทธิ์แฟรนไชส์ดรีมเบเกอร์รี่
1. เป็นผู้ที่มีใจรักทางด้านงานขาย โดยเฉพาะ เบเกอร์รี่
2. มีความอดทน เข้าใจสภาวะเศรษูฐกิจ ต่อการเริ่มต้นดำเนินกิจการ
3. รักความก้าวหน้า มีเงินทุนเบื้องต้น
เงื่อนไขการเป็นแฟรนไชส์ดรีมเบเกอร์รี่
รูปแบบของแฟรนไชส์ดรีมเบเกอร์รี่ จะแบ่งออกเป็น 4 แบบ โดยจะขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง และพื้นที่ของลูกค้า
แบบที่ 1 ราคา 30,000 บาท (พื้นที่ของลูกค้าต้องอยู่ในร่ม) โดยลูกค้าสามารถจ่าย 10,000 บาท แล้วเริ่มธุรกิจได้ทันที ซึ่งเงินที่เหลือสามารถผ่อนชำระได้งวดละ 5,000 บาท รวม 4 งวด
แบบที่ 2 ราคา 50,000 บาท (พื้นที่นอกอาคารหรือกลางแจ้ง)
แบบที่ 3 ราคา 150,000 บาท ซึ่งเป็นKioskขนาดกลาง และ
แบบที่ 4 ราคา 200,000 บาท จะเป็นKioskที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทั้งนี้รูปแบบแฟรนไชส์ในรูปแบบต่างๆ จะแตกต่างกันที่อุปกรณ์ที่จะได้รับ ซึ่งผู้ที่จะซื้อแฟรนไชส์สามารถเลือกให้เหมาะสมกับทำเลของตนเองได้
สิ่งที่ผู้เข้าร่วมแฟรนไชส์ดรีมเบเกอร์รี่ จะได้รับ1. Kiosk
2. ตู้เค้ก พร้อมอุปกรณ์เช่น ถาดขนม,ที่คีบขนม
3. ป้ายกล่องไฟ
4. ธง J-fak
5. ตัวผลิตภัณฑ์เบเกอร์รี่ของบริษัทจำนวน 2,000 บาท (กรณีแฟรนไชส์ แบบ Medium หรือ Large เท่านั้น)
6 การจัดส่งพนักงานฝ่ายขาย และ การตลาดไปช่วยเหลือในช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ (ฟรี)
7. การจัดส่งเจ้าหน้าที่ โภชนาการไปช่วยแนะนำ ให้คำปรึกษา แก้ปัญหาต่างๆอย่างสม่ำเสมอ (ฟรี)
8. การช่วยตรวจสอบการลงสินค้า การแนะนำความรู้ และเทคนิคการขาย
9. การจัดส่งสินค้า และการบริการที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ
10. การแจกใบปลิว และประชาสัมพันธ์ ทางสื่อต่างๆ และการจัดรายการส่งเสริมการขาย อย่างสม่ำเสมอ
11.ไม่ต้องจ่าย เปอร์เซนต์จากการขายให้กับบริษัท
12. อบรมพนักงานขายให้ (ฟรี)
สนใจธุรกิจดรีมเบเกอรี่ ติอต่อได้ที่ คุณนายฉัตรชัย วิเศษวงษ์
ที่อยู่ ตลาด อตก. 3 ตลาดขวัญ จ.นนทบุรี โทรศัพท์ 0-9023-0556
รายละเอียดของดรีมเบเกอร์รี่
ดรีมเบเกอร์รี่ คือเบเกอร์รี่พันธุ์ไทย สไตล์โรงแรม เพื่อให้บุคคลทั่วไป สามารถบริโภคเบเกอร์รี่ระดับโรงแรม แต่ราคาสบายๆ
ประวัติ : บริษัทดรีมเบเกอร์รี่ไทย จำกัด ดำเนินการด้านธุรกิจเบเกอร์รี่ครบวงจร ผลิตและ
จัดจำหน่ายเบเกอร์รี่ทุกชนิดโดยทีมผู้บริหารงานโรงแรม และฝ่ายผลิตจากโรงแรมระดับ 5 ดาว
จุดแข็งของดรีมเบเกอร์รี่
1. จ่ายมัดจำ 30% ก็สามารถเริ่มธุรกิจได้ทันที
2. ใช้พื้นที่น้อย
3. ผลตอบแทนสูง ระยะคืนทุนสั้น
4. เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้บริโภคมีโอกาสซื้อซ้ำ
คุณสมบัติของผู้ขอสิทธิ์แฟรนไชส์ดรีมเบเกอร์รี่
1. เป็นผู้ที่มีใจรักทางด้านงานขาย โดยเฉพาะ เบเกอร์รี่
2. มีความอดทน เข้าใจสภาวะเศรษูฐกิจ ต่อการเริ่มต้นดำเนินกิจการ
3. รักความก้าวหน้า มีเงินทุนเบื้องต้น
เงื่อนไขการเป็นแฟรนไชส์ดรีมเบเกอร์รี่
รูปแบบของแฟรนไชส์ดรีมเบเกอร์รี่ จะแบ่งออกเป็น 4 แบบ โดยจะขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง และพื้นที่ของลูกค้า
แบบที่ 1 ราคา 30,000 บาท (พื้นที่ของลูกค้าต้องอยู่ในร่ม) โดยลูกค้าสามารถจ่าย 10,000 บาท แล้วเริ่มธุรกิจได้ทันที ซึ่งเงินที่เหลือสามารถผ่อนชำระได้งวดละ 5,000 บาท รวม 4 งวด
แบบที่ 2 ราคา 50,000 บาท (พื้นที่นอกอาคารหรือกลางแจ้ง)
แบบที่ 3 ราคา 150,000 บาท ซึ่งเป็นKioskขนาดกลาง และ
แบบที่ 4 ราคา 200,000 บาท จะเป็นKioskที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทั้งนี้รูปแบบแฟรนไชส์ในรูปแบบต่างๆ จะแตกต่างกันที่อุปกรณ์ที่จะได้รับ ซึ่งผู้ที่จะซื้อแฟรนไชส์สามารถเลือกให้เหมาะสมกับทำเลของตนเองได้
สิ่งที่ผู้เข้าร่วมแฟรนไชส์ดรีมเบเกอร์รี่ จะได้รับ1. Kiosk
2. ตู้เค้ก พร้อมอุปกรณ์เช่น ถาดขนม,ที่คีบขนม
3. ป้ายกล่องไฟ
4. ธง J-fak
5. ตัวผลิตภัณฑ์เบเกอร์รี่ของบริษัทจำนวน 2,000 บาท (กรณีแฟรนไชส์ แบบ Medium หรือ Large เท่านั้น)
6 การจัดส่งพนักงานฝ่ายขาย และ การตลาดไปช่วยเหลือในช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจ (ฟรี)
7. การจัดส่งเจ้าหน้าที่ โภชนาการไปช่วยแนะนำ ให้คำปรึกษา แก้ปัญหาต่างๆอย่างสม่ำเสมอ (ฟรี)
8. การช่วยตรวจสอบการลงสินค้า การแนะนำความรู้ และเทคนิคการขาย
9. การจัดส่งสินค้า และการบริการที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ
10. การแจกใบปลิว และประชาสัมพันธ์ ทางสื่อต่างๆ และการจัดรายการส่งเสริมการขาย อย่างสม่ำเสมอ
11.ไม่ต้องจ่าย เปอร์เซนต์จากการขายให้กับบริษัท
12. อบรมพนักงานขายให้ (ฟรี)
สนใจธุรกิจดรีมเบเกอรี่ ติอต่อได้ที่ คุณนายฉัตรชัย วิเศษวงษ์
ที่อยู่ ตลาด อตก. 3 ตลาดขวัญ จ.นนทบุรี โทรศัพท์ 0-9023-0556
Labels:
ดรีมเบเกอร์รี่,
แฟรนไชส์เบเกอร์รี่
6/06/2011
น้ำเต้าหู้-เต้าฮวย สร้างอาชีพเสริม
น้ำเต้าหู้เป็นอาหารเช้ายอดนิยม ที่คงต้องมีหลายๆคนดื่มกันเป็นประจำ เพราะดีต่อสุขภาพ ได้โปรตีนจากถั่วเหลือง พูดถึงน้ำเข้าหู้-เต้าฮวย ใคร ๆ ก็รู้จัก เพราะนิยม
รับประทานกันทุกวัน ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งผู้ใหญ่ โดยเฉพาะน้ำเต้าหู้-เต้าฮวย ซึ่งทำจากถั่วเหลือง เป็นที่ยอมรับของนักโภชนาการสมัยใหม่ว่า มีคุณค่าทาง
โภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างอเนกอนันต์ ว่ากันว่าให้สารโปรตีนทื่มีคุณภาพเทียบเท่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์ แต่มีข้อดีกว่าคือ มีไขมันและ
แคลอรีต่ำ ยังอุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ เช่น วิตามิน บี แคลเซียมโพแทสเซียม เหล็ก ฯลฯ
ภาพจาก webboard.sanook.com
มาว่ากันที่เรื่องการลงทุน จะต้องซื้อ อุปกรณ์ เช่น เครื่องปั่น หม้อ ฯลฯ และยังต้องมีรถเข็น 1 คัน ซึ่งตรงนี้สำหรับคนที่มีทำเล
เช่น ขายหน้าบ้าน อาจจะจำเปน แต่ก็ต้องมีหม้อต้มแบบเดียวกับหม้อต้มน้ำก๋วยเตี๊ยว สามารถหาซื้อได้ทั่วไป อย่างไรก็ดี รถเข็นจะทาให้สะดวกในการ
เคลื่อนย้ายหรือเก็บของได้ดีกว่ากัน
ส่วนเรื่องการซื้อวัตถุดิบ ก็หาซื้อตามท้องตลาดทั่วไป แต่ควรหาจากแหล่งซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ราคาไม่แพงนัก และควรมีของครบจะได้ไม่
เสียเวลาไปซื้อหลายแห่ง เรื่องการปรุงรสชาติความอร่อย หรือวิธีการทำน้ำเต้าหู้-เต้าสวย ทำไม่ยากถ้าอยากจะทำ พูดถึงกรรมวิธีการทำน้ำเต้าหู้และเต้าฮวย การลงทุนก็ใช้เงิน
น้อย และหาซื้อวัสดุอุปกรณ์ก็ไม่ยิ่งยาก ที่จำเป็นหลัก ๆมี ดังนี้
1.เครื่องปั่นน้ำเข้าหู้ หรือเครื่องโม่
2. เตาแก๊ส ไว้สำหรับต้มน้ำเข้าหุ้นและต้มน้ำขิง ควรมีสัก 2 เตา เป็นอย่างน้อย เพราะจะต้องทำให้เสร็จ
ในเวลาจำกัด และต้องต้มอย่า้ใอื่นด้วย
2.หม้อ จะมีหม้อสำหรับใช้ต้มน้ำเข้าหู้และเต้าฮวย(เติมน้ำขิง)้ ซึ่งต้องแยกคนละใบ ให้ดูขนาด่พอเหมาะและหม้อต้มอื่น ๆ
3.ผ้าขาวบาง ไว้สำหรับกรองน้ำเต้าหู้ซึ่งต้องแยกกับผ้าที่ใช้กรองน้ำขิงเพื่อทำน้ำเต้าฮวย
ควรมีหม้อต้มเพื่ออุ่นน้ำเต้าหู้ให้ร้อนอยู่ตลอดเวลา
วัตถุดิบในการทำน้ำเข้าหู้ มีถั่วเหลืองเป็นหลัก นอกจากนั้น มีน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว
รวมทั้งเครื่องเคียง เช่น สาคูเม็ดใหญ่ วุ้น ลูกเดือย ฯลฯ
ส่วนวัสดุที่ใช้ทำเต้าฮวย ประกอบด้วย ขิง เต้าหู้อ่อน น้ำตาลทรายขาว
น้ำตาลทรายแดง และปาท่องโก๋ตัวเล็ก
วิธีการทำน้ำเข้าหู้
1.ใช้ถั่วเหลือง ประมาณ 1 กิโลกรัม มาแช่น้ำนานอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หลังจากนั้น นำมาเข้าเครื่องปั้นแล้วเอามากั้นน้ำแบบเดียวกับคั้นกะทิ ซึ่งตรงนี้ต้องพิถีพิถันกันเป็นพิเศษ
คือเครื่องมืออุปกรณ์ทีใช้ต้องใสะอาดจริง ๆ เพราะถ้าไม่สะอาดแล้วน้ำเข้าหู้จะเสีย หรือบูดได้ง่าย
2.เสร็จแล้วก็เอามาต้ม ประมาณ 45 นาทีซึ่งจะให้เข้มข้นขนาดไหนก็อยู่ที่ปริมาณของถั่วเหลืองและการผสมน้ำ ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละเจ้า ถึง
เคล็ดลับควรใช้ถั่วลิสง 1 ช้อนโต๊ะ นั้นรวมกับถ่วเหลือง ซึ่งถือว่าจะเป็นการดับกลิ่นและเพิ่มความหอมมันให้น่ารับประทาน
3.ต้มสาคู เคี่ยววุ้น หรือต้มลูกเดือย เตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ
วิธีทำเต้าฮวย
1.เริ่มจากการทำน้ำขิงก่อน ใช้ขิงแก่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ อาจจะใช้วิธีการทุบก็ได้
2.เสร็จแล้วก็นำไปต้มใส่น้ำพอสมควรดูให้มีความเข้มข้นตามความต้องการ ซึ่งการต้มน้ำขิงอาจจะต้มได้น้ำถึง 2 ครั้ง ถ้าเป็นขิงที่แก่จัดจริง ๆ ขั้นตอนนี้ไม่ยาก แต่ที่จะ
ยากคือ การทำเต้าหู้อ่อน เหมือนการคั้นน้ำกะทิที่จะต้องมีการเก็บหัวกะทิไว้ส่วนหนึ่ง เต้าหู้อ่อนก็เช่นกัน นำส่วนที่เรียกว่าหัวไปผสมกับแป้ง(แป้งมี ๒ ชนิด คือ แป้งเต้าหู้และแป้งมัน จะใช้แป้ง
ชนิดไหนก็ได้ คุณภาพพอ ๆ กัน) และผสมกับเจี๋ยกอ(หินอ่อนที่บดละเอียด ใช้เพียงนิดเดียวเพื่อให้เข้าหู้จับ
ตัว) คนให้เข้ากันและกรองเอากากออกให้หมด
3.จากนั้นก็เอามาต้ม เมื่อต้มได้จนเข้มข้นพอสมควรก็เอามาเทลงในภาชนะ ซึ่งตรงนี้ต้องค่อย ๆ เท และถ้าเทไมดีคุณภาพที่ได้อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร คือเต้าหู้อ่อนจะไม่จับตัวเป็น
เนื้อ เดียวกัน
**พึงระวัง การทำน้ำเข้าหู้และเต้าฮวย แรก ๆ อาจจะได้คุณภาพไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แต่เมื่อทำสัก 2-3 ครั้ง ก็จะทำให้มีประสบการณ์ และทำได้ดีไม่ยากสิ่งที่อยากจะเน้นคือ
อุปกรณ์ เช่น หม้อต้มน้ำเข้าหู้ หรืออุปกรณ์อย่างอื่น ๆ ไม่ควรใช้ร่วมกันอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะของคาวและของหวาน เพราะจะทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลงได้
เรื่องเวลาในการขาย ก็อาจจะขายช่วงเช้าหรือช่วงเย็นก็ได้ โดยปกติคนมักจะนิยมรับประทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารเสริม และควรขายวันละอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
เหมาะเป็นการทำอาชีพเ์สริมสำหรับคนที่มีเวลาน้อย ยอดขายควรได้วันละ 500-700 บาท ขึ้นไป ซึ่งกำไรจะตกวันละ 300-500 บาท ตกเดือนหนึ่งกำไรไม่น่าจะน้อยกว่า10,000 บาทเลยทีเดียว
รับประทานกันทุกวัน ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งผู้ใหญ่ โดยเฉพาะน้ำเต้าหู้-เต้าฮวย ซึ่งทำจากถั่วเหลือง เป็นที่ยอมรับของนักโภชนาการสมัยใหม่ว่า มีคุณค่าทาง
โภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างอเนกอนันต์ ว่ากันว่าให้สารโปรตีนทื่มีคุณภาพเทียบเท่าโปรตีนจากเนื้อสัตว์ แต่มีข้อดีกว่าคือ มีไขมันและ
แคลอรีต่ำ ยังอุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ เช่น วิตามิน บี แคลเซียมโพแทสเซียม เหล็ก ฯลฯ
ภาพจาก webboard.sanook.com
มาว่ากันที่เรื่องการลงทุน จะต้องซื้อ อุปกรณ์ เช่น เครื่องปั่น หม้อ ฯลฯ และยังต้องมีรถเข็น 1 คัน ซึ่งตรงนี้สำหรับคนที่มีทำเล
เช่น ขายหน้าบ้าน อาจจะจำเปน แต่ก็ต้องมีหม้อต้มแบบเดียวกับหม้อต้มน้ำก๋วยเตี๊ยว สามารถหาซื้อได้ทั่วไป อย่างไรก็ดี รถเข็นจะทาให้สะดวกในการ
เคลื่อนย้ายหรือเก็บของได้ดีกว่ากัน
ส่วนเรื่องการซื้อวัตถุดิบ ก็หาซื้อตามท้องตลาดทั่วไป แต่ควรหาจากแหล่งซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ราคาไม่แพงนัก และควรมีของครบจะได้ไม่
เสียเวลาไปซื้อหลายแห่ง เรื่องการปรุงรสชาติความอร่อย หรือวิธีการทำน้ำเต้าหู้-เต้าสวย ทำไม่ยากถ้าอยากจะทำ พูดถึงกรรมวิธีการทำน้ำเต้าหู้และเต้าฮวย การลงทุนก็ใช้เงิน
น้อย และหาซื้อวัสดุอุปกรณ์ก็ไม่ยิ่งยาก ที่จำเป็นหลัก ๆมี ดังนี้
1.เครื่องปั่นน้ำเข้าหู้ หรือเครื่องโม่
2. เตาแก๊ส ไว้สำหรับต้มน้ำเข้าหุ้นและต้มน้ำขิง ควรมีสัก 2 เตา เป็นอย่างน้อย เพราะจะต้องทำให้เสร็จ
ในเวลาจำกัด และต้องต้มอย่า้ใอื่นด้วย
2.หม้อ จะมีหม้อสำหรับใช้ต้มน้ำเข้าหู้และเต้าฮวย(เติมน้ำขิง)้ ซึ่งต้องแยกคนละใบ ให้ดูขนาด่พอเหมาะและหม้อต้มอื่น ๆ
3.ผ้าขาวบาง ไว้สำหรับกรองน้ำเต้าหู้ซึ่งต้องแยกกับผ้าที่ใช้กรองน้ำขิงเพื่อทำน้ำเต้าฮวย
ควรมีหม้อต้มเพื่ออุ่นน้ำเต้าหู้ให้ร้อนอยู่ตลอดเวลา
วัตถุดิบในการทำน้ำเข้าหู้ มีถั่วเหลืองเป็นหลัก นอกจากนั้น มีน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว
รวมทั้งเครื่องเคียง เช่น สาคูเม็ดใหญ่ วุ้น ลูกเดือย ฯลฯ
ส่วนวัสดุที่ใช้ทำเต้าฮวย ประกอบด้วย ขิง เต้าหู้อ่อน น้ำตาลทรายขาว
น้ำตาลทรายแดง และปาท่องโก๋ตัวเล็ก
วิธีการทำน้ำเข้าหู้
1.ใช้ถั่วเหลือง ประมาณ 1 กิโลกรัม มาแช่น้ำนานอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หลังจากนั้น นำมาเข้าเครื่องปั้นแล้วเอามากั้นน้ำแบบเดียวกับคั้นกะทิ ซึ่งตรงนี้ต้องพิถีพิถันกันเป็นพิเศษ
คือเครื่องมืออุปกรณ์ทีใช้ต้องใสะอาดจริง ๆ เพราะถ้าไม่สะอาดแล้วน้ำเข้าหู้จะเสีย หรือบูดได้ง่าย
2.เสร็จแล้วก็เอามาต้ม ประมาณ 45 นาทีซึ่งจะให้เข้มข้นขนาดไหนก็อยู่ที่ปริมาณของถั่วเหลืองและการผสมน้ำ ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละเจ้า ถึง
เคล็ดลับควรใช้ถั่วลิสง 1 ช้อนโต๊ะ นั้นรวมกับถ่วเหลือง ซึ่งถือว่าจะเป็นการดับกลิ่นและเพิ่มความหอมมันให้น่ารับประทาน
3.ต้มสาคู เคี่ยววุ้น หรือต้มลูกเดือย เตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ
วิธีทำเต้าฮวย
1.เริ่มจากการทำน้ำขิงก่อน ใช้ขิงแก่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ อาจจะใช้วิธีการทุบก็ได้
2.เสร็จแล้วก็นำไปต้มใส่น้ำพอสมควรดูให้มีความเข้มข้นตามความต้องการ ซึ่งการต้มน้ำขิงอาจจะต้มได้น้ำถึง 2 ครั้ง ถ้าเป็นขิงที่แก่จัดจริง ๆ ขั้นตอนนี้ไม่ยาก แต่ที่จะ
ยากคือ การทำเต้าหู้อ่อน เหมือนการคั้นน้ำกะทิที่จะต้องมีการเก็บหัวกะทิไว้ส่วนหนึ่ง เต้าหู้อ่อนก็เช่นกัน นำส่วนที่เรียกว่าหัวไปผสมกับแป้ง(แป้งมี ๒ ชนิด คือ แป้งเต้าหู้และแป้งมัน จะใช้แป้ง
ชนิดไหนก็ได้ คุณภาพพอ ๆ กัน) และผสมกับเจี๋ยกอ(หินอ่อนที่บดละเอียด ใช้เพียงนิดเดียวเพื่อให้เข้าหู้จับ
ตัว) คนให้เข้ากันและกรองเอากากออกให้หมด
3.จากนั้นก็เอามาต้ม เมื่อต้มได้จนเข้มข้นพอสมควรก็เอามาเทลงในภาชนะ ซึ่งตรงนี้ต้องค่อย ๆ เท และถ้าเทไมดีคุณภาพที่ได้อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร คือเต้าหู้อ่อนจะไม่จับตัวเป็น
เนื้อ เดียวกัน
**พึงระวัง การทำน้ำเข้าหู้และเต้าฮวย แรก ๆ อาจจะได้คุณภาพไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แต่เมื่อทำสัก 2-3 ครั้ง ก็จะทำให้มีประสบการณ์ และทำได้ดีไม่ยากสิ่งที่อยากจะเน้นคือ
อุปกรณ์ เช่น หม้อต้มน้ำเข้าหู้ หรืออุปกรณ์อย่างอื่น ๆ ไม่ควรใช้ร่วมกันอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะของคาวและของหวาน เพราะจะทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลงได้
เรื่องเวลาในการขาย ก็อาจจะขายช่วงเช้าหรือช่วงเย็นก็ได้ โดยปกติคนมักจะนิยมรับประทานเป็นอาหารว่างหรืออาหารเสริม และควรขายวันละอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
เหมาะเป็นการทำอาชีพเ์สริมสำหรับคนที่มีเวลาน้อย ยอดขายควรได้วันละ 500-700 บาท ขึ้นไป ซึ่งกำไรจะตกวันละ 300-500 บาท ตกเดือนหนึ่งกำไรไม่น่าจะน้อยกว่า10,000 บาทเลยทีเดียว
Labels:
ทำน้ำเต้าหู้,
น้ำเต้าหู้-เต้าฮวย,
วิธีทำน้ำเต้าหู้
6/04/2011
ทำขนมไทยขาย
ทุกวันนี้ขนมไทยของเรา เริ่มเป็นที่ยอมรับและนิยมของต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นขนมทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมหม้อแกง ขนมไส้ไก่ ขนมฝอยทอง ข้าวเหนียวแก้ว ขนมผิง กล้วยฉาบ ล่าเตียง หรุ่ม สังขยา ฝอยทอง และขนมถ้วยตะไล ข้าวต้มมัด รวมไปถึงขนมน้ำหรือว่าขนมหม้อหลากหลายชนิดที่แช่แข็งก็เป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะในแถบประเทศเอเชียด้วยกัน เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ พบว่าสินค้าของไทยถูกจัดว่าได้รับความนิยมอยู่ในอันดับที่ 3 เมื่อเทียบกับขนมของประเทศอื่นๆ เฉพาะอย่างยิ่งที่เวียดนามทราบข่าวล่าสุดจากผู้ส่งออกผลไม้ไทยรายหนึ่งบอกว่า ขนมไทยของเรามาแรงมาก ส่วนที่ประเทศญี่ปุ่นขนมทองม้วนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกปี
ภาพจากlearners.in.th
เพราะว่าขนมไทยมีจุดเด่นหลายอย่าง ประวัติความเป็นมาที่เชื่อมต่อร่องรอยความเจริญในแต่ละยุคสมัย ขนมไทยได้กลายมาเป็น วัฒนธรรมและประเพณีอย่างหนึ่งของคนไทย
สมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญ เช่น ในงานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือทำไว้รับแขกสำคัญๆ
ขนมไทยต้องใช้ความประรีตมากๆ บางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนมประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน
เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ การประณีตวิจิตรบรรจง จัดวางรูปทรงสวยงาม
ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกภาคส่วนของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ งานสิริมงคลต่างๆ
เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นสิริมงคลของงาน ขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว
มีอายุยืน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟู ก็ขอให้เฟื่องฟู ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น
ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการพิมพ์ตำราอาหารออกเผยแพร่ รวมถึงตำราขนมไทยด้วย จึงนับได้ว่าวัฒนธรรมขนมไทยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรก
ตำราอาหารไทยเล่มแรกคือแม่ครัวหัวป่าก์ เขียนโดย ท่านผู้หญิง เปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ในหนังสือเล่มนี้ มีรายการสำรับของหวานเลี้ยงพระ ได้แก่ ทองหยิบ ฝอยทอง ขนมหม้อแกง
ขนมหันตรา ขนมถ้วยฟู ขนมลืมกลืน ข้าวเหนียวแก้ว วุ้นผลมะปราง
นอกจากนี้ ความหลากหลายของขนมไทยก็หาชนชาติใดมาเปรียบคงไม่ได้ เพราะว่าขนมของเรามีหลายอย่างหลายชนิด แถมแต่ละท้องถิ่นก็ไม่เหมือนกัน
เป็นภูมิปัญญาที่จะต้องอนุรักษ์ให้คงอยู่ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของขนมไทยตามวิธีการทำให้สุกได้ดังนี้
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการเชื่อม เป็นการใส่ส่วนผสมลงในน้ำเชื่อมที่กำลังเดือดจนสุก ได้แก่ ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง เม็ดขนุน กล้วยเชื่อม จาวตาลเชื่อม
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการทอด เป็นการใส่ส่วนผสมลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อนๆ จนสุก เช่น กล้วยทอด ข้าวเม่าทอด ขนมกง ขนมค้างคาว ขนมฝักบัว ขนมนางเล็ด
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการกวน ส่วนมากใช้กระทะทอง กวนตั้งแต่เป็นน้ำเหลวใสจนงวด แล้วเทใส่พิมพ์หรือถาด เมื่อเย็นจึงตัดเป็นชิ้น เช่น ตะโก้ ขนมลืมกลืน ขนมเปียกปูน
ขนมศิลาอ่อน และผลไม้กวนต่างๆ รวมถึง ข้าวเหนียวแดง ข้าวเหนียวแก้ว และกะละแม
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการนึ่ง (ใช้ลังถึง) บางชนิดเทส่วนผสมใส่ถ้วยตะไลแล้วนึ่ง บางชนิดใส่ถาดหรือพิมพ์ บางชนิดห่อด้วยใบตองหรือใบมะพร้าว
เช่น ช่อม่วง ขนมชั้น ข้าวต้มผัด สาลี่อ่อน สังขยา ขนมกล้วย ขนมตาล ขนมสอดไส้ ขนมเทียน ขนมน้ำดอกไม้
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการต้ม ขนมประเภทนี้จะใช้หม้อหรือกระทะต้มน้ำให้เดือด ใส่ขนมลงไปจนสุกแล้วตักขึ้น นำมาคลุกหรือโรยมะพร้าว ได้แก่ ขนมถั่วแปบ ขนมต้ม ขนมเหนียว ขนมเรไร
นอกจากนี้ ยังรวมขนมประเภทน้ำ ที่นิยมนำมาต้มกับกะทิ หรือใส่แป้งผสมเป็นขนมเปียก และขนมที่กินกับน้ำเชื่อมและน้ำกะทิ เช่น กล้วยบวชชี มันแกงบวด สาคูเปียก ลอดช่อง ซ่าหริ่ม
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการนึ่งหรืออบ ได้แก่ ขนมหม้อแกง ขนมหน้านวล ขนมกลีบลำดวน ขนมทองม้วน สาลี่แข็ง ขนมจ่ามงกุฎ นอกจากนี้ อาจรวม ขนมครก ขนมเบื้อง
ขนมดอกลำเจียก ที่ใช้ความร้อนบนเตาไว้ในกลุ่มนี้ด้วย
หากประเทศไทยมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตขนมไทยกันอย่างจริงจัง มีการวิจัยให้ขนมสามารถเก็บได้นานวัน พัฒนาคุณภาพและรสชาติให้ได้มาตรฐาน
สร้างนวัตกรรมของขนมไทยให้มีความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ไทย รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ต่างๆ จะต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับรสนิยมของผู้บริโภค
สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องสร้างเครือข่ายตลาดขนมไทยตามเมืองต่างๆ ที่เป็นประเทศกลุ่มเป้าหมาย
ขนมไทยสามารถยึดเป็นอาชีพได้อย่างมั่นคง ตลอดจนวัตถุดิบต่างๆ ที่ล้วนผลิตในประเทศไทยแทบทั้งสิ้น
มีการเปิดสอนวิชาขนมไทยของศูนย์อาชีพฯ มติชน ซึ่งมีความหลากหลายพอสมควร โดยจะเน้นประเภทขนมที่สามารถทำเป็นการค้าหรือต่อยอดเป็นอาชีพได้
สนใจเรียนวิชาขนมไทย เรียนได้ที่ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน โทร. (02) 589-2222 ต่อ 2100-2103
ข้อมูลประวัติขนมไทย อ้างอิงจาก วิกิพีเดีย
ภาพจากlearners.in.th
เพราะว่าขนมไทยมีจุดเด่นหลายอย่าง ประวัติความเป็นมาที่เชื่อมต่อร่องรอยความเจริญในแต่ละยุคสมัย ขนมไทยได้กลายมาเป็น วัฒนธรรมและประเพณีอย่างหนึ่งของคนไทย
สมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญ เช่น ในงานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือทำไว้รับแขกสำคัญๆ
ขนมไทยต้องใช้ความประรีตมากๆ บางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนมประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน
เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ การประณีตวิจิตรบรรจง จัดวางรูปทรงสวยงาม
ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกภาคส่วนของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ งานสิริมงคลต่างๆ
เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นสิริมงคลของงาน ขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว
มีอายุยืน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟู ก็ขอให้เฟื่องฟู ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น
ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการพิมพ์ตำราอาหารออกเผยแพร่ รวมถึงตำราขนมไทยด้วย จึงนับได้ว่าวัฒนธรรมขนมไทยมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรก
ตำราอาหารไทยเล่มแรกคือแม่ครัวหัวป่าก์ เขียนโดย ท่านผู้หญิง เปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ในหนังสือเล่มนี้ มีรายการสำรับของหวานเลี้ยงพระ ได้แก่ ทองหยิบ ฝอยทอง ขนมหม้อแกง
ขนมหันตรา ขนมถ้วยฟู ขนมลืมกลืน ข้าวเหนียวแก้ว วุ้นผลมะปราง
นอกจากนี้ ความหลากหลายของขนมไทยก็หาชนชาติใดมาเปรียบคงไม่ได้ เพราะว่าขนมของเรามีหลายอย่างหลายชนิด แถมแต่ละท้องถิ่นก็ไม่เหมือนกัน
เป็นภูมิปัญญาที่จะต้องอนุรักษ์ให้คงอยู่ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของขนมไทยตามวิธีการทำให้สุกได้ดังนี้
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการเชื่อม เป็นการใส่ส่วนผสมลงในน้ำเชื่อมที่กำลังเดือดจนสุก ได้แก่ ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง เม็ดขนุน กล้วยเชื่อม จาวตาลเชื่อม
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการทอด เป็นการใส่ส่วนผสมลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อนๆ จนสุก เช่น กล้วยทอด ข้าวเม่าทอด ขนมกง ขนมค้างคาว ขนมฝักบัว ขนมนางเล็ด
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการกวน ส่วนมากใช้กระทะทอง กวนตั้งแต่เป็นน้ำเหลวใสจนงวด แล้วเทใส่พิมพ์หรือถาด เมื่อเย็นจึงตัดเป็นชิ้น เช่น ตะโก้ ขนมลืมกลืน ขนมเปียกปูน
ขนมศิลาอ่อน และผลไม้กวนต่างๆ รวมถึง ข้าวเหนียวแดง ข้าวเหนียวแก้ว และกะละแม
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการนึ่ง (ใช้ลังถึง) บางชนิดเทส่วนผสมใส่ถ้วยตะไลแล้วนึ่ง บางชนิดใส่ถาดหรือพิมพ์ บางชนิดห่อด้วยใบตองหรือใบมะพร้าว
เช่น ช่อม่วง ขนมชั้น ข้าวต้มผัด สาลี่อ่อน สังขยา ขนมกล้วย ขนมตาล ขนมสอดไส้ ขนมเทียน ขนมน้ำดอกไม้
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการต้ม ขนมประเภทนี้จะใช้หม้อหรือกระทะต้มน้ำให้เดือด ใส่ขนมลงไปจนสุกแล้วตักขึ้น นำมาคลุกหรือโรยมะพร้าว ได้แก่ ขนมถั่วแปบ ขนมต้ม ขนมเหนียว ขนมเรไร
นอกจากนี้ ยังรวมขนมประเภทน้ำ ที่นิยมนำมาต้มกับกะทิ หรือใส่แป้งผสมเป็นขนมเปียก และขนมที่กินกับน้ำเชื่อมและน้ำกะทิ เช่น กล้วยบวชชี มันแกงบวด สาคูเปียก ลอดช่อง ซ่าหริ่ม
- ขนมที่ทำให้สุกด้วยการนึ่งหรืออบ ได้แก่ ขนมหม้อแกง ขนมหน้านวล ขนมกลีบลำดวน ขนมทองม้วน สาลี่แข็ง ขนมจ่ามงกุฎ นอกจากนี้ อาจรวม ขนมครก ขนมเบื้อง
ขนมดอกลำเจียก ที่ใช้ความร้อนบนเตาไว้ในกลุ่มนี้ด้วย
หากประเทศไทยมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตขนมไทยกันอย่างจริงจัง มีการวิจัยให้ขนมสามารถเก็บได้นานวัน พัฒนาคุณภาพและรสชาติให้ได้มาตรฐาน
สร้างนวัตกรรมของขนมไทยให้มีความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ไทย รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ต่างๆ จะต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับรสนิยมของผู้บริโภค
สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องสร้างเครือข่ายตลาดขนมไทยตามเมืองต่างๆ ที่เป็นประเทศกลุ่มเป้าหมาย
ขนมไทยสามารถยึดเป็นอาชีพได้อย่างมั่นคง ตลอดจนวัตถุดิบต่างๆ ที่ล้วนผลิตในประเทศไทยแทบทั้งสิ้น
มีการเปิดสอนวิชาขนมไทยของศูนย์อาชีพฯ มติชน ซึ่งมีความหลากหลายพอสมควร โดยจะเน้นประเภทขนมที่สามารถทำเป็นการค้าหรือต่อยอดเป็นอาชีพได้
สนใจเรียนวิชาขนมไทย เรียนได้ที่ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน โทร. (02) 589-2222 ต่อ 2100-2103
ข้อมูลประวัติขนมไทย อ้างอิงจาก วิกิพีเดีย
Labels:
ขายขนมไทย,
ทำขนมไทยขาย
5/31/2011
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้
สำหรับท่านที่กำลังคิดจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว วันนี้มีข้อมูลก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้ มาฝากให้ลองศึกษาพิจารณากัน เพื่อเป็นตัวเลือกก่อนการตัดสินใจ ก่อนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวของท่าน
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้ มีที่มาจากแซ่ของคุณพ่อซึ่ง "แซ่ลี้" เหตุเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 สมนึก กัลยาธุวานนท์ ได้พลิกสถานการณ์ เป็นโอกาสที่ตยเองมองข้ามมานาน
เริ่มต้นทำธุรกิจจากการที่ญาติของแฟนมีโรงงาน ทำลูกชิ้นเต้าหู้ (แคะ) สูตรโบราณดั้งเดิมที่หาทานยาก จากนั้น จึงคิดสูตรน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวขึ้นมา ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนที่ได้รับประทาน
รายละเอียดก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้เป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นแคระ, ยำลูกชิ้น, ขนมจีบ, ชาลาเปา และขนมว่างตามฤดูกาล
แฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้
รายละเอียดการลงทุนของเฟรนไชส์
รูปแบบการลงทุนแบบ A เงินลงทุน 200,000 บาท
- เคาน์เตอรวางตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ตัว
- เคาน์เตอร์วางหม้อน้ำชุป 1 ตัว ุ
- ตะแกรงวางชาม 1 ชิ้น
- ชุดลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว 1 ชุด
- กรวย / ช้อนซุป 1 ชุด
- ซ้อน / ตะเกียบ (คละ) 30 โหล
- กล่องตะเกียบ 8 โบ
- ชุดตวงพริก 8 ชุด
- ถังถั่วงอก / ผักบุ้ง (สแตนเลส) 2 โบ
- โต๊ะทานอาหาร (สแตนเลส) 8 ตัว
- เก้าอี้ (สแตนเลส) 32 ตัว
- ถังแก๊ส / อุปกรณ์ 2 ถัง
- ชามก๋วยเตี๋ยวคละ 3 ขนาด 17 โหล
- ขวดโหลเย็นตาโฟ 6 ใบ
- ตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ตัว
- แผ่นป้ายโฆษณาก่อนเปิดร้าน 1 ผืน
- ป้ายเชลล์ชวนชิม 1 ชิ้น
- ชุดฟอร์มพนักงาน 12 ขุด
- หม้อน้ำซุป 2 ใบ
- โถเครื่องปรุง 8 ใบ
- ใบปลิว 500 ใบ
**รายละเอียดรูปแบบ A อุปกรณ์เป็นสแตนเลส
รูปแบบการลงทุนแบบ B เงินลงทุน 130,000 บาท
- เคาน์เตอร์วางตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ตัว
- เคาน์เตอร์วางหม้อน้ำชุป 1 ตัว
- ตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ใบ
- หม้อน้ำซุป 2 ใบ
- ตะแกรงวางชาม 1 ชิ้น
- ชุดลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว 1 ชุด
- ชามก๋วยเตี๋ยวคละ 3 ขนาด 15 โหล
- ขวดโหลเย็นตาโฟ 6 ใบ
- โถเครื่องปรุง 8 โบ
- กรวย / ช้อนซุป 1 ชุด
- ช้อน / ตะเกียบ (คละ) 30 โหล
- กล่องตะเกียบ 8 ใบ
- ชุดตวงพริก 8 ชุด
- ถังถั่วงอก / ผักบุ้ง (สแตนเลส) 2 ใบ
- โต๊ะทานอาหาร (สแตนเลส) 8 ตัว
- เก้าอี้ (สแตนเลส) 32 ตัว
- ถังแก๊ส / อุปกรณ์ 2 ถัง
- ใบปลิว 500 ใบ
- แผ่นป้ายโฆษณาก่อนเปิดร้าน 1 ผืน
- ป้ายเชลล์ขวนชิม 1 ชิ้น
- ชุดฟอร์มพนักงาน 12 ชุด
* รายละเอียดรูปแบบ B อุปกรณ์เป็นอะลูมิเนียม
รูปแบบการลงทุนแบบ C เงินลงทุน 70,000 -100,000 บาท
- รถเข็น 1 ชุด
- ตู้ก๋วยเตี๋ยวสแตนเลส 1 ใบ
- หมอน้ำซุป 1 ใบ
- ชุดลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว 1 ชุด
- ถังถั่วงอก / ผักบุ้ง 2 ใบ
- โต๊ะทานอาหาร (ธรรมดา) 4 ตัว
- ชามก๋วยเตี๋ยว คละ 3 ขนาด 6 โหล
- ขวดโหลเย็นตาโฟ 3 ใบ
- โถเครื่องปรุง 3 ใบ
- กรวย / ช้อนน้ำซุป 1 ชุด
- ช้อน / ตะเกียบ 3 โหล
- กล่องตะเกียบ 4 ใบ
- ชุดตวงพริก 4 ชุด
- เก้าอี้ (ธรรมดา) 16 ตัว
- ถังแก๊ส / อุปกรณ์ 1 ซุด
- ใบปลิว 300 โบ
- ป้ายเชลล์ชวนชิม (ขนาดเล็ก) 1 ป้าย
- ชุดฟอร์มพนักงาน 3 ขุด
- เมนูอาหารพร้อมรูปภาพ 1 ชุด
ตารางค่าใช้จ่าย
หัวข้อ ค่าใช้จ่าย
รูปแบบการลงทุนแบบ A 200,000
รูปแบบการลงทุนแบบ B 130,000
รูปแบบการลงทุนแบบ C 70,000 - 100,000
** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยมิได้แจังล่วงหน้า
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้ ติดต่อคุณ สมนึก กัลยาธุวานนท์
โทรศัพท์ 0-2965-0142
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้ มีที่มาจากแซ่ของคุณพ่อซึ่ง "แซ่ลี้" เหตุเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 สมนึก กัลยาธุวานนท์ ได้พลิกสถานการณ์ เป็นโอกาสที่ตยเองมองข้ามมานาน
เริ่มต้นทำธุรกิจจากการที่ญาติของแฟนมีโรงงาน ทำลูกชิ้นเต้าหู้ (แคะ) สูตรโบราณดั้งเดิมที่หาทานยาก จากนั้น จึงคิดสูตรน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวขึ้นมา ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนที่ได้รับประทาน
รายละเอียดก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้เป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นแคระ, ยำลูกชิ้น, ขนมจีบ, ชาลาเปา และขนมว่างตามฤดูกาล
แฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้
รายละเอียดการลงทุนของเฟรนไชส์
รูปแบบการลงทุนแบบ A เงินลงทุน 200,000 บาท
- เคาน์เตอรวางตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ตัว
- เคาน์เตอร์วางหม้อน้ำชุป 1 ตัว ุ
- ตะแกรงวางชาม 1 ชิ้น
- ชุดลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว 1 ชุด
- กรวย / ช้อนซุป 1 ชุด
- ซ้อน / ตะเกียบ (คละ) 30 โหล
- กล่องตะเกียบ 8 โบ
- ชุดตวงพริก 8 ชุด
- ถังถั่วงอก / ผักบุ้ง (สแตนเลส) 2 โบ
- โต๊ะทานอาหาร (สแตนเลส) 8 ตัว
- เก้าอี้ (สแตนเลส) 32 ตัว
- ถังแก๊ส / อุปกรณ์ 2 ถัง
- ชามก๋วยเตี๋ยวคละ 3 ขนาด 17 โหล
- ขวดโหลเย็นตาโฟ 6 ใบ
- ตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ตัว
- แผ่นป้ายโฆษณาก่อนเปิดร้าน 1 ผืน
- ป้ายเชลล์ชวนชิม 1 ชิ้น
- ชุดฟอร์มพนักงาน 12 ขุด
- หม้อน้ำซุป 2 ใบ
- โถเครื่องปรุง 8 ใบ
- ใบปลิว 500 ใบ
**รายละเอียดรูปแบบ A อุปกรณ์เป็นสแตนเลส
รูปแบบการลงทุนแบบ B เงินลงทุน 130,000 บาท
- เคาน์เตอร์วางตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ตัว
- เคาน์เตอร์วางหม้อน้ำชุป 1 ตัว
- ตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ใบ
- หม้อน้ำซุป 2 ใบ
- ตะแกรงวางชาม 1 ชิ้น
- ชุดลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว 1 ชุด
- ชามก๋วยเตี๋ยวคละ 3 ขนาด 15 โหล
- ขวดโหลเย็นตาโฟ 6 ใบ
- โถเครื่องปรุง 8 โบ
- กรวย / ช้อนซุป 1 ชุด
- ช้อน / ตะเกียบ (คละ) 30 โหล
- กล่องตะเกียบ 8 ใบ
- ชุดตวงพริก 8 ชุด
- ถังถั่วงอก / ผักบุ้ง (สแตนเลส) 2 ใบ
- โต๊ะทานอาหาร (สแตนเลส) 8 ตัว
- เก้าอี้ (สแตนเลส) 32 ตัว
- ถังแก๊ส / อุปกรณ์ 2 ถัง
- ใบปลิว 500 ใบ
- แผ่นป้ายโฆษณาก่อนเปิดร้าน 1 ผืน
- ป้ายเชลล์ขวนชิม 1 ชิ้น
- ชุดฟอร์มพนักงาน 12 ชุด
* รายละเอียดรูปแบบ B อุปกรณ์เป็นอะลูมิเนียม
รูปแบบการลงทุนแบบ C เงินลงทุน 70,000 -100,000 บาท
- รถเข็น 1 ชุด
- ตู้ก๋วยเตี๋ยวสแตนเลส 1 ใบ
- หมอน้ำซุป 1 ใบ
- ชุดลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว 1 ชุด
- ถังถั่วงอก / ผักบุ้ง 2 ใบ
- โต๊ะทานอาหาร (ธรรมดา) 4 ตัว
- ชามก๋วยเตี๋ยว คละ 3 ขนาด 6 โหล
- ขวดโหลเย็นตาโฟ 3 ใบ
- โถเครื่องปรุง 3 ใบ
- กรวย / ช้อนน้ำซุป 1 ชุด
- ช้อน / ตะเกียบ 3 โหล
- กล่องตะเกียบ 4 ใบ
- ชุดตวงพริก 4 ชุด
- เก้าอี้ (ธรรมดา) 16 ตัว
- ถังแก๊ส / อุปกรณ์ 1 ซุด
- ใบปลิว 300 โบ
- ป้ายเชลล์ชวนชิม (ขนาดเล็ก) 1 ป้าย
- ชุดฟอร์มพนักงาน 3 ขุด
- เมนูอาหารพร้อมรูปภาพ 1 ชุด
ตารางค่าใช้จ่าย
หัวข้อ ค่าใช้จ่าย
รูปแบบการลงทุนแบบ A 200,000
รูปแบบการลงทุนแบบ B 130,000
รูปแบบการลงทุนแบบ C 70,000 - 100,000
** ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยมิได้แจังล่วงหน้า
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้ ติดต่อคุณ สมนึก กัลยาธุวานนท์
โทรศัพท์ 0-2965-0142
5/28/2011
ทำไข่เค็มเสริมไอโอดีนขาย
ช่วงนี้ไข่ราคาแพง แต่ยังไงคนไทยก็ขายไข่ ไม่ได้ วันนี้จึงอยากเชิญชวนทำที่กำลังมองหางาน หรือว่างๆอยู่อยากมีรายได้ ลองหันมาทำไข่เค็มขายส่งกันดีกว่า
ขั้นตอนการทำไข่เค็มนั้นก็ไม่ยากเลยทำแล้วขาย รายได้ดี การทำไข่เค็มเสริมเกลือไอโอดีนเข้าไปเป้นอีกหนึ่งจุดขายที่กำลังมาแรง
ไข่เค็มไอโอดีนนี้ประกอบไปด้วย ดินสอพองและเกลือไอโอดีน เป็นส่วนประกอบหลัก
ภาพจากpirun.ku.ac.th
ส่วนผสมมีดังนี้
1.ดินสอพอง 1 กิโลกรัม
2.เกลือไอโอดีน 300 กรัม ผสมน้ำ 350 กรัม/ไข่เป็ด 60 ฟอง
3.ไข่เป็ด 60 ฟอง
ขั้นตอนการทำ
1.นำส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน ขยำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไข่เป็ดมาชุบ
แล้ววางไว้ในพาชนะที่ลมเข้าไม่ได้ อาจจะใช้ลังไม้ หรึอกล่องภาชนะ (กล่องใส่ผลไม้) กุข้างลังด้วย
หนังสือพิมพ์แล้วรองด้วยพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง
ขั้นตอนการชุบไข่นั้นมีข้อสังเกตที่ว่า ไม่ต้องล้างไข่ก่อนชุบเพราะการล้างไข่ทำให้ไข่อิ่มน้ำ ความเค็มผ่านเข้าไปได้ไม่
เต็มที่ และไข่เสียเร็วด้วย จากนั้น ทิ้งไว้ 25 วัน ทางที่ดี จดไว้ข้างกล่องเลยว่า เริ่มทำวันไหน และวันไหนจะนำไปต้ม เพราะหากถ้า
หลงลืมวันจำไม่ได้ ทำให้ไข่เสียได้
เมื่อครบ 25 วันแล้ว นำไข่มาล้างให้สะอาด ถ้าพบไข่ร้าวอย่านำไปต้ม เพราะจะแตกใช้ไม่ได้ ให้เอาไข่
แดงออกมา นำไปขายได้ ไข่แดงที่เกิดจากไข่ร้าวนี้ ไม่ใช่ไข่เสียงจึงนำไปรับประทานได้ จะพบว่าไข่แดงนี้ได้ตาม
ร้านข้าวต้มในรายการอาหาร ยำไข่เค็ม หรือนำไปใส่ไส้ขนมเปี๊ยะ ขนมโมจิ เป็นต้น
ส่วนไข่ที่มีสภาพดี นำมาต้มประมาณ 1 ชั่วโมงใช้ไฟอ่อน หากใช้ไฟแรง น้ำเดือด จะทำให้ไข่แตก ถ้า
ต้องการไข่มีผิวขาวนวล หยอดสารส้มลงไปสัก 200 กรัม/ไข่ 250 ฟอง
ต้มได้ทีแล้ว ยกขึ้น ทิ้งไว้ให้เย็น นำบรรจุ่ลงภาชนะ
ถามว่า เกลือไอโอดีน กับดินสอพองจะซื้อทีไหน ดินสอพองหาซื้อได้ตามร้านวัสดุ
ก่อสร้าง ส่วนเกลือไอโอดีนซื้อได้ทีสาธารณสุขอำเภอหรือตำบล ราคาไม่แพง
การทำไข่เค็มวิธีนี้กับวิธีการแช่น้ำเกลือว่า ไข่เค็มพอกดินสอพองเมื่อต้มแล้วจะอยู่ได1เดือน นานกว่าแบบแช่น้ำเกลือ ซึ่งแบบแช่น้ำเกลือจะอยู่ได้
เพียง 15 วัน เท่านั้น ทั้งนี้ เป็นเพราะวิธีการที่ความเค็มแพร่เข้าไป หากเป็นการแช่น้ำเกลือ ความเค็มจะแพร่เข้าไปเร็วมาก เทียบกับการพอกด้วยดินความเค็มจะ
ค่อย ๆ ซึมเข้าไป แต่ทั่วถึงกว่ากาีำรทำไข่เค็มนี้ นำมาทอดเป็นไข่ดาวก็ได้ โดยกะระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน ไข่ยังไม่เค็มมาก นำมาทอดได้อร่อยด้วย จะเห็นว่า มีวิธีการเลือกกินได้หลายวิธีไม่จำเป็นต้องกินไข่เค็มต้มเสมอไป
เห็นมั๊ยว่าการทำไข่เค็มไม่ได้ยากเลย ลงทุนก้ไม่มาก น่าทำเป้นอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้
ขั้นตอนการทำไข่เค็มนั้นก็ไม่ยากเลยทำแล้วขาย รายได้ดี การทำไข่เค็มเสริมเกลือไอโอดีนเข้าไปเป้นอีกหนึ่งจุดขายที่กำลังมาแรง
ไข่เค็มไอโอดีนนี้ประกอบไปด้วย ดินสอพองและเกลือไอโอดีน เป็นส่วนประกอบหลัก
ภาพจากpirun.ku.ac.th
ส่วนผสมมีดังนี้
1.ดินสอพอง 1 กิโลกรัม
2.เกลือไอโอดีน 300 กรัม ผสมน้ำ 350 กรัม/ไข่เป็ด 60 ฟอง
3.ไข่เป็ด 60 ฟอง
ขั้นตอนการทำ
1.นำส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน ขยำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไข่เป็ดมาชุบ
แล้ววางไว้ในพาชนะที่ลมเข้าไม่ได้ อาจจะใช้ลังไม้ หรึอกล่องภาชนะ (กล่องใส่ผลไม้) กุข้างลังด้วย
หนังสือพิมพ์แล้วรองด้วยพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง
ขั้นตอนการชุบไข่นั้นมีข้อสังเกตที่ว่า ไม่ต้องล้างไข่ก่อนชุบเพราะการล้างไข่ทำให้ไข่อิ่มน้ำ ความเค็มผ่านเข้าไปได้ไม่
เต็มที่ และไข่เสียเร็วด้วย จากนั้น ทิ้งไว้ 25 วัน ทางที่ดี จดไว้ข้างกล่องเลยว่า เริ่มทำวันไหน และวันไหนจะนำไปต้ม เพราะหากถ้า
หลงลืมวันจำไม่ได้ ทำให้ไข่เสียได้
เมื่อครบ 25 วันแล้ว นำไข่มาล้างให้สะอาด ถ้าพบไข่ร้าวอย่านำไปต้ม เพราะจะแตกใช้ไม่ได้ ให้เอาไข่
แดงออกมา นำไปขายได้ ไข่แดงที่เกิดจากไข่ร้าวนี้ ไม่ใช่ไข่เสียงจึงนำไปรับประทานได้ จะพบว่าไข่แดงนี้ได้ตาม
ร้านข้าวต้มในรายการอาหาร ยำไข่เค็ม หรือนำไปใส่ไส้ขนมเปี๊ยะ ขนมโมจิ เป็นต้น
ส่วนไข่ที่มีสภาพดี นำมาต้มประมาณ 1 ชั่วโมงใช้ไฟอ่อน หากใช้ไฟแรง น้ำเดือด จะทำให้ไข่แตก ถ้า
ต้องการไข่มีผิวขาวนวล หยอดสารส้มลงไปสัก 200 กรัม/ไข่ 250 ฟอง
ต้มได้ทีแล้ว ยกขึ้น ทิ้งไว้ให้เย็น นำบรรจุ่ลงภาชนะ
ถามว่า เกลือไอโอดีน กับดินสอพองจะซื้อทีไหน ดินสอพองหาซื้อได้ตามร้านวัสดุ
ก่อสร้าง ส่วนเกลือไอโอดีนซื้อได้ทีสาธารณสุขอำเภอหรือตำบล ราคาไม่แพง
การทำไข่เค็มวิธีนี้กับวิธีการแช่น้ำเกลือว่า ไข่เค็มพอกดินสอพองเมื่อต้มแล้วจะอยู่ได1เดือน นานกว่าแบบแช่น้ำเกลือ ซึ่งแบบแช่น้ำเกลือจะอยู่ได้
เพียง 15 วัน เท่านั้น ทั้งนี้ เป็นเพราะวิธีการที่ความเค็มแพร่เข้าไป หากเป็นการแช่น้ำเกลือ ความเค็มจะแพร่เข้าไปเร็วมาก เทียบกับการพอกด้วยดินความเค็มจะ
ค่อย ๆ ซึมเข้าไป แต่ทั่วถึงกว่ากาีำรทำไข่เค็มนี้ นำมาทอดเป็นไข่ดาวก็ได้ โดยกะระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน ไข่ยังไม่เค็มมาก นำมาทอดได้อร่อยด้วย จะเห็นว่า มีวิธีการเลือกกินได้หลายวิธีไม่จำเป็นต้องกินไข่เค็มต้มเสมอไป
เห็นมั๊ยว่าการทำไข่เค็มไม่ได้ยากเลย ลงทุนก้ไม่มาก น่าทำเป้นอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้
5/23/2011
ธุรกิจขายมันฝรั่งทอด
ขอบคุณภาพจากlonleam.com (ตัวอย่างภาพไม่ตรงกับข้อมูล)
มันฝรั่งทอดเป็นของกินเล่นที่ได้รับความนิยมมาตลอด ไม่เคยตกเทรนด์ วันนี้มีแฟรนไชส์มันฝรั่งทอด 1 ตัวอย่างมาฝากครับ
"มิสเตอร์เฟร้นซ์ฟรายส์" เป็นมันฝรั่งแท้ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาให้เหมาะสำหรับเด็กจนถึงผู้ใหญ่ ซึ่งอุดมไปด้วย คุณค่าทางอาหารสูง เช่นโปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, วิตามิน, ธาตุเหล็ก, ฟอสฟอรัส เป็นต้น
แป้งมันฝรั่ง มิสเตอร์เฟร้นช์ฟรายส์ ประกอบด้วย แป้งมันฝรั่งแท้ๆ, ไข่ขาวผง, น้ำตาล, เกลือ, ถั่วเหลือง ให้พลังงานและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายทำให้ร่างกายแข็งแรงนอกจากนี้ยังบำรุงสายตา กระดูกและฟัน
วันนี้ มิสเตอร์เฟร้นซ์ฟรายส์ เปิดโอกาสทางธุรกิจให้ผู้สนใจอยากทำธุรกิจ รายได้งามและเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเองได้
เงื่อนไขการลงทุนมิสเตอร์เฟร้นซ์ฟรายส์
แบบที่1 ซื้อเฉพาะเครื่องทำเฟร้นฟรายส์ 12,500 บาท (ชำระงวดเดียว)
แบบที่ 2 ซื้อเครื่องทำเฟร้นฟรายส์พร้อมบูธขาย 18,000 บาท (ชำระ 2 งวดๆละ 9.000 บาท)
แบบที่ 3 ซื้อเครื่องทำเฟร้นฟรายส์พร้อมบูธขายและกระทะทอดไฟฟ้า 23,000 บาท
(ชำระครั้งแรก 8,000 บาท และผ่อนต่อ 3 เดือนๆ ละ 5,000 บาท)
ราคาอุปกรณ์มิสเตอร์เฟร้นซ์ฟรายส์
อุปกรณ์ 1 ชุดประกอบด้วย
1. บูธขายเฟร้นซ์ฟรายส์ 1 ตู้ ราคา 5,000 บาท
2. ชุดกระทะทอดไฟ้ฟ้า 1 ชุด ราคา 5,000 บาท
3. เครื่องกดเฟร้นซ์ฟรายส์ 1 ชุด ราคา 12,500 บาท ประกอบด้วย
3.1 เครื่องกดเฟร้นซ์ฟรายส์ 1 เครื่อง
3.2 กระป๋องผสมแป้ง 2 ใบ
3.3 ยางรองกระป๋องผสมแป้ง 1 อัน
3.4 แผ่นกดฝาปิด 1 อัน
3.5 แบบพิมพ์ตัวรู 1 อัน
3.6 ที่ตีแป้ง 1 อัน
3.7 ถาดรองแป้ง 1 อัน
4. ถาดใส่เฟร้นซ์ฟรายส์ 1 อัน ราคา 500 บาท
5. ที่ตักมันฝรั่ง 1 อัน ราคา Free บาท
รวมราคาชุดละ 23,000 บาท
สิ่งที่จะได้รับจาก มิสเตอร์เฟร้นซ์ฟรายส์
แป้งมันฝรั่ง “มิสเตอร์เฟร้นซ์ฟรายส์” 1 กิโลกรัม ราคา 230 บาท (พิเศษช่วงแรกซื้อแป้ง 10 ถุงแถม 1 ถุง, 20 ถุงแถม 2 ถุง, 30 ถุงแถม 3 ถุง, 40 ถุงแถม 4 ถุง, 50 ถุงแถม 7 ถุง, 100 ถุงแถม 20 ถุง)
โดยราคาขายมี 3 ราคา (บรรจุใส่โคนกระดาษ)
1. โคนละ 10 บาท แป้ง 1 กิโลกรัม จะตักขายได้ประมาณ 48โคน คิดเป็นเงิน 480 บาท
2. โคนละ 15 บาท แป้ง 1 กิโลกรัม จะตักขายได้ประมาณ 32 โคน คิดเป็นเงิน 480 บาท
3. โคนละ 20 บาท แป้ง 1 กิโลกรัม จะตักขายได้ประมาณ 24โคน คิดเป็นเงิน 480 บาท
ขั้นตอนในการทำ
การเตรียมส่วนผสม
1. เตรียมแป้ง “มิสเตอร์เฟร้นซ์ฟรายส์" 1 ถุง (น้ำหนัก 1 กิโลกรัม)
2. เตรียมน้ำเย็นประมาณ 1.5-1.7 ลิตร
วิธีการผสม
1. นำน้ำเย็นที่เตรียมไว้ใส่ลงในกระป๋องให้ถึงขีดที่กำหนดไว้ คนน้ำในกระป๋องแล้วเทแป้งลงไปผสมให้หมดถุง (ระหว่างที่เทแป้งลงในกระป๋องอย่าหยุดคนน้ำ) คนเร็วๆ
ให้ส่วนผสมเข้ากันประมาณ 1 นาที ตั้งกระป๋องแป้งทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แป้งจะแข็งตัว พร้อมที่จะนำไปกดให้เป็นเส้นเฟร้นซ์ฟรายส์
(แป้ง 1 กิโลกรัม เมื่อผสมแล้วจะหนักประมาณ 2.5 กิโลกรัม)
2. นำกระป๋องแป้งตั้งบนเครื่องกด แล้วกดให้แป้งไหลออกมาเป็นเส้นเฟร้นซ์ฟรายส์ เพื่อนำไปทอด
3. เอาแป้งที่ได้ไปทอดในน้ำมันที่เตรียมไว้น้ำมันที่ใช้จะต้องมีความร้อนประมาณ 180 องศา ใช้เวลาในการทอด ประมาณ 2.5 นาที
สนใจธุรกิจมิสเตอร์เฟรนฟรายส์ (Mister Frenchfries) ติดต่อได้ที่
ที่อยู่ 22/33-34 ถนนประชาราษฎร์สาย 1
ซ.4 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800
โทรศัพท์ 0-2912-4225
5/20/2011
สร้างธุรกิจบนโลกออนไลน์
สร้างธุรกิจบนโลกออนไลน์
ทุกวันนี้เป็นยุคของเทคโนโลยี การใช้งานอินเตอร์เน็ตกลายเป็นเรื่องปกติของคนเรา คนไทยมีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตหลายสิบล้านคน และจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต จึงเกิดโอกาสทางธุรกิจในโลกออนไลน์มากมาย
เด็กจบใหม่ๆ สามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองเป้นกอบเป้นกำ โดยไม่ต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างใคร หรือแม้แต่เด้กที่กำลังเรียนอยู่ก็สร้างมารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้มาก ก่อนจะจบออกมาด้วยซ้ำ
โอกาสทางธุรกิจในโลกออนไลน์นั้นยังมีอยู่อีกมากมาย อยู่ที่ ไอเดียแนวคิดในการจับธุรกิจมาต่อยอดว่าจะสร้าโมเดลขึ้นมาได้อย่างไร งานนี้ต้องอาศัยไอเดียกับความคิดสร้างสรรค์ล้วนๆ
วันนี้มีคตัวอย่างผู้ที่ สร้างธุรกิจในโลกออนไลน์มาให้ศึกษากันนั่นคือ บ้านกระต่าย บนโลกออนไลน์ "บันนี่ ดีไลท์ ดอทคอม"
ภาพจากgotoknow.org
เสน่ห์อย่างหนึ่งของกระต่ายก็คือ จะไม่เข้ามาคลอเคลียกับเจ้าของเหมือนหมาแมว แต่เขาจะเป็นเจ้านายเราเป็นคนใช้ แต่ก็สามารถสื่ออารมณ์ได้เหมือนกัน อย่างถ้าเขาอารมณ์เสียจะกระทืบเท้าเลยนะ ดังตึ้ง!!"
เป็นคำบอกเล่าจาก คุณเดียว หรือ คุณปิยะลักษณ์ สาริยา สาวอารมณ์ดี ที่รักการเลี้ยงกระต่ายเป็นชีวิตจิตใจ ผู้ก่อตั้ง www.bunnydelight.com
เวบไซต์ให้ข้อมูลพื้นฐานที่คนเลี้ยงกระต่ายทั่วไปควรรู้ ตลอดจนถึงคนที่คิดเพาะขยายพันธุ์เมื่อกระต่ายแสนรักถึงวัยเจริญพันธุ์ คุณเดียว คาดหวังว่าข้อมูลเหล่านี้ควรแก่การเผยแพร่ให้ทราบโดยทั่วกัน
เธอจึงรวบรวมความรู้และประสบการณ์ในการเลี้ยงกระต่ายของเธอลงในเว็บไซต์ เพื่อให้เป็นแหล่งข้อมูลพร้อมสรรพ สำหรับคนรักกระต่าย
เริ่มจากการเลี้ยงกระต่ายแสนรัก ที่เธอเลี้ยงไว้มากกว่า 60 ตัว โดยอาศัยพื้นที่เล็กๆ ในสวนไผ่บนพื้นที่ 5 ไร่ ของตัวเอง ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี คุณเดียวก่อร่างสร้างรั้ว
เพื่อเป็นบ้านหลังน้อยสำหรับเลี้ยงกระต่ายโดยเฉพาะ เกิดจากความชอบ ด้วยความที่เราเป็นคนชอบท่องเที่ยว ชอบเที่ยวป่า ชอบหาอะไรทำเวลาว่าง เลยอยากจะมีสถานที่สักแห่งในต่างจังหวัด
แล้วลองทำไร่ ทำสวน แต่เราเองยังต้องทำงานที่กรุงเทพฯ อยู่ ต้องไปๆ มาๆ จึงเลือกปลูกพืชที่ไม่ต้องดูแลมาก ให้เทวดาเลี้ยงได้ เราก็ได้คำตอบว่าต้องปลูกไผ่ แต่พอผ่านไปสัก 5 เดือน เราเริ่มกลายเป็นคนมีเวลาว่าง
ไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว
คุณเดียว เล่าต่อว่า พอเริ่มมีเวลาว่างเธอจึงท่องโลกอินเตอร์เน็ตอยู่เป็นประจำ จนในที่สุด คุณเดียวก็ต้องกลับมาหาเพื่อนที่แท้จริง สัมผัสจับต้องได้ และสวมกอดให้ได้ชื่นใจ สุดท้ายมาลงตัวที่
"กระต่าย" เพราะเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างน่ารัก น่ากอด กินน้อย และไม่ส่งเสียงดังรบกวน คุณเดียวตระเวนตามฟาร์มต่างๆ ไปทำความรู้จักกับกระต่ายก่อน หาข้อมูลไปเรื่อย ทั้งในเว็บไซต์ไทย
เว็บไซต์ต่างประเทศ ดูว่ามีสายพันธุ์ไหนบ้าง วิธีการดูแล การรักษาพยาบาล ศึกษาหมด จนได้ฮอลแลนด์ ลอป มาเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น แรกๆ เลี้ยงอยู่ 3-4 ตัว ไม่ได้คิดถึงตลาด หรือจะเพาะพันธุ์ขายเลย
เราคิดแค่เพียงว่า จะทำอย่างไร ให้เขาอยู่รอดและมีความสุขความสุขและความเพลิดเพลินในการเลี้ยงกระต่ายของคุณเดียว ส่งผลให้มีกระต่ายน่าเอ็นดูทยอยเข้ามา
นี่คือตัวอย่างของคนที่สร้างธุรกิจบนโลกออนไลน์ที่มีคนเข้าไปอ่านมากกว่า ล้านครั้ง เป็นธุรกิจที่ กำลังมาแรงในยุคนี้ ได้ทำงานที่ตัวเองรัก ผ่านหน้าเวบไซต์ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบเข้างานเป็นเวลา ดูแล้วน่าจะเป็นชีวิตที่มีความสุขตรงใจใครอีกหลายๆคน
หากคุณมีไอเดียดีไม่ควรมองข้าง ธุรกิจบนโลกออนไลน์
ทุกวันนี้เป็นยุคของเทคโนโลยี การใช้งานอินเตอร์เน็ตกลายเป็นเรื่องปกติของคนเรา คนไทยมีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตหลายสิบล้านคน และจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต จึงเกิดโอกาสทางธุรกิจในโลกออนไลน์มากมาย
เด็กจบใหม่ๆ สามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองเป้นกอบเป้นกำ โดยไม่ต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างใคร หรือแม้แต่เด้กที่กำลังเรียนอยู่ก็สร้างมารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้มาก ก่อนจะจบออกมาด้วยซ้ำ
โอกาสทางธุรกิจในโลกออนไลน์นั้นยังมีอยู่อีกมากมาย อยู่ที่ ไอเดียแนวคิดในการจับธุรกิจมาต่อยอดว่าจะสร้าโมเดลขึ้นมาได้อย่างไร งานนี้ต้องอาศัยไอเดียกับความคิดสร้างสรรค์ล้วนๆ
วันนี้มีคตัวอย่างผู้ที่ สร้างธุรกิจในโลกออนไลน์มาให้ศึกษากันนั่นคือ บ้านกระต่าย บนโลกออนไลน์ "บันนี่ ดีไลท์ ดอทคอม"
ภาพจากgotoknow.org
เสน่ห์อย่างหนึ่งของกระต่ายก็คือ จะไม่เข้ามาคลอเคลียกับเจ้าของเหมือนหมาแมว แต่เขาจะเป็นเจ้านายเราเป็นคนใช้ แต่ก็สามารถสื่ออารมณ์ได้เหมือนกัน อย่างถ้าเขาอารมณ์เสียจะกระทืบเท้าเลยนะ ดังตึ้ง!!"
เป็นคำบอกเล่าจาก คุณเดียว หรือ คุณปิยะลักษณ์ สาริยา สาวอารมณ์ดี ที่รักการเลี้ยงกระต่ายเป็นชีวิตจิตใจ ผู้ก่อตั้ง www.bunnydelight.com
เวบไซต์ให้ข้อมูลพื้นฐานที่คนเลี้ยงกระต่ายทั่วไปควรรู้ ตลอดจนถึงคนที่คิดเพาะขยายพันธุ์เมื่อกระต่ายแสนรักถึงวัยเจริญพันธุ์ คุณเดียว คาดหวังว่าข้อมูลเหล่านี้ควรแก่การเผยแพร่ให้ทราบโดยทั่วกัน
เธอจึงรวบรวมความรู้และประสบการณ์ในการเลี้ยงกระต่ายของเธอลงในเว็บไซต์ เพื่อให้เป็นแหล่งข้อมูลพร้อมสรรพ สำหรับคนรักกระต่าย
เริ่มจากการเลี้ยงกระต่ายแสนรัก ที่เธอเลี้ยงไว้มากกว่า 60 ตัว โดยอาศัยพื้นที่เล็กๆ ในสวนไผ่บนพื้นที่ 5 ไร่ ของตัวเอง ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี คุณเดียวก่อร่างสร้างรั้ว
เพื่อเป็นบ้านหลังน้อยสำหรับเลี้ยงกระต่ายโดยเฉพาะ เกิดจากความชอบ ด้วยความที่เราเป็นคนชอบท่องเที่ยว ชอบเที่ยวป่า ชอบหาอะไรทำเวลาว่าง เลยอยากจะมีสถานที่สักแห่งในต่างจังหวัด
แล้วลองทำไร่ ทำสวน แต่เราเองยังต้องทำงานที่กรุงเทพฯ อยู่ ต้องไปๆ มาๆ จึงเลือกปลูกพืชที่ไม่ต้องดูแลมาก ให้เทวดาเลี้ยงได้ เราก็ได้คำตอบว่าต้องปลูกไผ่ แต่พอผ่านไปสัก 5 เดือน เราเริ่มกลายเป็นคนมีเวลาว่าง
ไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว
คุณเดียว เล่าต่อว่า พอเริ่มมีเวลาว่างเธอจึงท่องโลกอินเตอร์เน็ตอยู่เป็นประจำ จนในที่สุด คุณเดียวก็ต้องกลับมาหาเพื่อนที่แท้จริง สัมผัสจับต้องได้ และสวมกอดให้ได้ชื่นใจ สุดท้ายมาลงตัวที่
"กระต่าย" เพราะเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างน่ารัก น่ากอด กินน้อย และไม่ส่งเสียงดังรบกวน คุณเดียวตระเวนตามฟาร์มต่างๆ ไปทำความรู้จักกับกระต่ายก่อน หาข้อมูลไปเรื่อย ทั้งในเว็บไซต์ไทย
เว็บไซต์ต่างประเทศ ดูว่ามีสายพันธุ์ไหนบ้าง วิธีการดูแล การรักษาพยาบาล ศึกษาหมด จนได้ฮอลแลนด์ ลอป มาเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น แรกๆ เลี้ยงอยู่ 3-4 ตัว ไม่ได้คิดถึงตลาด หรือจะเพาะพันธุ์ขายเลย
เราคิดแค่เพียงว่า จะทำอย่างไร ให้เขาอยู่รอดและมีความสุขความสุขและความเพลิดเพลินในการเลี้ยงกระต่ายของคุณเดียว ส่งผลให้มีกระต่ายน่าเอ็นดูทยอยเข้ามา
นี่คือตัวอย่างของคนที่สร้างธุรกิจบนโลกออนไลน์ที่มีคนเข้าไปอ่านมากกว่า ล้านครั้ง เป็นธุรกิจที่ กำลังมาแรงในยุคนี้ ได้ทำงานที่ตัวเองรัก ผ่านหน้าเวบไซต์ชีวิตไม่ต้องเร่งรีบเข้างานเป็นเวลา ดูแล้วน่าจะเป็นชีวิตที่มีความสุขตรงใจใครอีกหลายๆคน
หากคุณมีไอเดียดีไม่ควรมองข้าง ธุรกิจบนโลกออนไลน์
5/11/2011
ทำแชมพู ยาสระผม
ช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี ข้าวของอะไรก็แพงมากๆ น้ำมันก็ขึ้น ของกินของใช้ก็แพง ของใช้ประจำวันอย่าง แชมพู ยาสระผม เราสามารถทำใช้เองได้ไม่ยาก ลดค่าใช้หรือจะทำขายก็ได้ ยิ่งช่วงนี้กระแสความนิยม แชมพูสมุนไพร ได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งจากผู้ที่ห่วงใยสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมถึงผู้ที่ต้องการหาทางเลือกใหม่ๆ ในการใช้สินค้าประเภทนี้
ขอบคุณภาพจากpremium.tarad.com
ส่วนผสม
หัวแชมพู 8000
ผง ฟอง
ผง ข้น
สีแชมพู เช่น สีเขียว ฟ้า
กลิ่นแชมพู เช่น กลิ่นคาโอ
น้ำ กลั่น
มะกรูด
ว่าน หาง จระเข้
ลาโนลีน
ขวดสำหรับวใส่แชมพู
วิธีการทำแชมพู สระผม
1.นำมะกรูดผ่าซีกแล้วคั้นเอาแต่น้ำ ส่วนว่านหางจระเข้ก็ปอกเปลีอก เอาแต่เนื้อของว่านหางจระเข้มาแล้วบดให้ละเอียดนั้นเอาแต่น้ำเตรียมน้ำไว้ประมาณ1 ลิตร จากนั้นก็เทผงฟองผสมลงไปคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
2.ขั้นต่อมาเมื่อคนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้เติมหัวแชมพูลงไปเสร็จแล้วก็คนให้เข้ากัน ให้นำลาโนลีนมาละลายกับน้ำร้อน จากนั้นเทลงไปในส่วนผสมทั้งหมด แล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
3.ให้เติมกลิ่น (กลิ่นคาโอ) และสี (สีเขียว) ที่เตรียมไว้ นำน้ำว่านหางจระเข้และน้ำมะกรูดที่นั้นไว้แล้วเติมลงไปคนให้เข้ากัน
4.จากนั้นก็ค่อยๆ เทผงข้นลงไปในส่วนผสมทั้งหมด คนไปเรื่อยๆจนแชมพูเกิดความเข้มข้น หลังจากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ1 คืน จึงค่อยนำไปบรรจุในขวด
การทำแชมพูใช้เอง ผู้ผลิตสามารถดัดแปลงสมุนไพรที่จะใส่ลงไปเองได้ เพราะปัจจุบันหมุนไพรมีอยู่มากมาย แล้วแต่ประใยชน์
สรรพคุณของสมุนไพรแต่ละชนิด
ขิง (Ginger) : แก้ผมรวง ทำให้เส้นผมเกิดใหม่ได้ดีขึ้น
ตะไคร้ (Lemongrass) : แก้ผมแตกปลาย ขจัดรังแค ทำให้ผมดก ดำ
มะกรูด (Kaffir Lime) : ทำให้ผมดกดำ นิ่มสลวย ขจัดรังแค แก้ผมร่วง
วานหางจระเข้ (ALOe vera): ท่าให้ผมลื่น หวีง่าย นุ่มสลวยรักษาแผลบนหนังศีรษะ
การลงทุนไม่เกีน 5,000 บาท
ต้นทุน 15 บาทขึ้นไป/ชิ้น
0 รายได้ : ราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 35 บาทขึ้นไป แล้วแต่
ปัจจุบันแชมพูที่มีอยู่ในท้องตลาด พบว่าสารทำความสะอาดที่ถูก
ผสมในแชมพูเกือบทุกยี่ห้อ ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีฤทธี์ชะล้างอย่างแรง
และมีความเป็นด่างสูง เช่น โซเดียม ลอริ่ล ซัลเฟต (เอสแอลเอส) ซึ่งให้
ฟองได้มาก
นอกจากนั้น แชมพูบางชนิด หรีอใษน้ำยาปรับสภาพผมส่วนใหญ่
ที่มีอยู่ในท้องดลาด ยังนิยมใส่สารเคลือบผม เช่น ไซเมทธิโคน (เป็ษสาร
พวกซิลิโคนชนิดหนึ่ง) ซึ่งจะทำให้อดตันรูขมขน และตกค้างสะสมทำให้
เส้นผมทำหน้าที่ผีดปกติ ก่อให้เกิดอาการผมร่วง เกิดความผิดปกติของ
เซลล์ผม และหนังศีรษะได้เมื่อใช้ในระยะยาว
แชมพูที่ดีที่ได้มาตรฐานควรจะมีการปรับพีเอชให้เป็นกลางเพื่อให้
ไม่ระคายเคืองหนังศีรษะ ควรมีิ สารเติมสารต้านเชื้อจุลีนทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ
เพราะสารสกัดสมุนไพร หรือสมุนไพรสด เชื้อจุลินทรึย์มักจะเจริญเติบโดได้
ง่าย หากใช้แชมพูสมุนไพรที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรจาน อาจ
มีปัญหาคันหนังศีรษะ ผมร่วงได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการปนเปื้อนของ
เชื้อจุลินทรีย์จากสมุนไพร
มาตรฐานอุตสาหกรรมไทย
แชมพูจัดเป็นเครื่องสำอางประเภทหนึ่ง ดังนั้นจะต้องมีคุณลักษณะทั่วไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง : ข้ออำหนดทั่วไป(มอก. 152-2539) และมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแชมพู (มอก.162-2541)
ขอบคุณภาพจากpremium.tarad.com
ส่วนผสม
หัวแชมพู 8000
ผง ฟอง
ผง ข้น
สีแชมพู เช่น สีเขียว ฟ้า
กลิ่นแชมพู เช่น กลิ่นคาโอ
น้ำ กลั่น
มะกรูด
ว่าน หาง จระเข้
ลาโนลีน
ขวดสำหรับวใส่แชมพู
วิธีการทำแชมพู สระผม
1.นำมะกรูดผ่าซีกแล้วคั้นเอาแต่น้ำ ส่วนว่านหางจระเข้ก็ปอกเปลีอก เอาแต่เนื้อของว่านหางจระเข้มาแล้วบดให้ละเอียดนั้นเอาแต่น้ำเตรียมน้ำไว้ประมาณ1 ลิตร จากนั้นก็เทผงฟองผสมลงไปคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
2.ขั้นต่อมาเมื่อคนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ให้เติมหัวแชมพูลงไปเสร็จแล้วก็คนให้เข้ากัน ให้นำลาโนลีนมาละลายกับน้ำร้อน จากนั้นเทลงไปในส่วนผสมทั้งหมด แล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
3.ให้เติมกลิ่น (กลิ่นคาโอ) และสี (สีเขียว) ที่เตรียมไว้ นำน้ำว่านหางจระเข้และน้ำมะกรูดที่นั้นไว้แล้วเติมลงไปคนให้เข้ากัน
4.จากนั้นก็ค่อยๆ เทผงข้นลงไปในส่วนผสมทั้งหมด คนไปเรื่อยๆจนแชมพูเกิดความเข้มข้น หลังจากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ1 คืน จึงค่อยนำไปบรรจุในขวด
การทำแชมพูใช้เอง ผู้ผลิตสามารถดัดแปลงสมุนไพรที่จะใส่ลงไปเองได้ เพราะปัจจุบันหมุนไพรมีอยู่มากมาย แล้วแต่ประใยชน์
สรรพคุณของสมุนไพรแต่ละชนิด
ขิง (Ginger) : แก้ผมรวง ทำให้เส้นผมเกิดใหม่ได้ดีขึ้น
ตะไคร้ (Lemongrass) : แก้ผมแตกปลาย ขจัดรังแค ทำให้ผมดก ดำ
มะกรูด (Kaffir Lime) : ทำให้ผมดกดำ นิ่มสลวย ขจัดรังแค แก้ผมร่วง
วานหางจระเข้ (ALOe vera): ท่าให้ผมลื่น หวีง่าย นุ่มสลวยรักษาแผลบนหนังศีรษะ
การลงทุนไม่เกีน 5,000 บาท
ต้นทุน 15 บาทขึ้นไป/ชิ้น
0 รายได้ : ราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 35 บาทขึ้นไป แล้วแต่
ปัจจุบันแชมพูที่มีอยู่ในท้องตลาด พบว่าสารทำความสะอาดที่ถูก
ผสมในแชมพูเกือบทุกยี่ห้อ ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีฤทธี์ชะล้างอย่างแรง
และมีความเป็นด่างสูง เช่น โซเดียม ลอริ่ล ซัลเฟต (เอสแอลเอส) ซึ่งให้
ฟองได้มาก
นอกจากนั้น แชมพูบางชนิด หรีอใษน้ำยาปรับสภาพผมส่วนใหญ่
ที่มีอยู่ในท้องดลาด ยังนิยมใส่สารเคลือบผม เช่น ไซเมทธิโคน (เป็ษสาร
พวกซิลิโคนชนิดหนึ่ง) ซึ่งจะทำให้อดตันรูขมขน และตกค้างสะสมทำให้
เส้นผมทำหน้าที่ผีดปกติ ก่อให้เกิดอาการผมร่วง เกิดความผิดปกติของ
เซลล์ผม และหนังศีรษะได้เมื่อใช้ในระยะยาว
แชมพูที่ดีที่ได้มาตรฐานควรจะมีการปรับพีเอชให้เป็นกลางเพื่อให้
ไม่ระคายเคืองหนังศีรษะ ควรมีิ สารเติมสารต้านเชื้อจุลีนทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ
เพราะสารสกัดสมุนไพร หรือสมุนไพรสด เชื้อจุลินทรึย์มักจะเจริญเติบโดได้
ง่าย หากใช้แชมพูสมุนไพรที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรจาน อาจ
มีปัญหาคันหนังศีรษะ ผมร่วงได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากการปนเปื้อนของ
เชื้อจุลินทรีย์จากสมุนไพร
มาตรฐานอุตสาหกรรมไทย
แชมพูจัดเป็นเครื่องสำอางประเภทหนึ่ง ดังนั้นจะต้องมีคุณลักษณะทั่วไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง : ข้ออำหนดทั่วไป(มอก. 152-2539) และมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแชมพู (มอก.162-2541)
Labels:
ทำแชมพู ยาสระผม,
วิธีทำแชมพู ยาสระผม
5/10/2011
ธุรกิจความงามและสปา
ธุรกิจเกี่ยวกับความสวยความงามและธุรกิจสปานั้น มีแนวโน้ม อัตราการขยายตัวที่ต่อเนื่องในแต่ละปี การใช้ชีวิตประจำวันในทุกวันนี้ บุคลิกเป็นเรื่องที่ต้องเอาใจใส่ เพราะ คนเราเหนื่อยเครียดมาจากการทำงานในแต่ละวัน
การดูแลเอาใจใส่ ร่างกายจากภายนอกจึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ ถึงแม้ว่า ธุรกิจความงาน และสปา จะมีการแข่งขันสูง แต่เป็นธุรกิจนี้ ก็ยังเป้นที่ต้องการของคนเป้นอย่างมาก ดังนั้นธุรกิจความงาม และสปาจึงที่อยู่คู่กับคนเรา
ไปอีกนาน
ปัจจุบันนี้มีแฟรนไชส์เกี่ยวกับความงาม มากมายเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้ คงมีหลายๆคนที่ฝันว่าอยากจะเปิดร้านสปาที่ ทำธุรกิจเกี่ยวกับความงามควบคู่กันไปด้วย วันนี้จึงอยากจะเสนอ
ศูนย์สุขภาพ ความงามและสปาสมาร์ท แบงก์ (Spa Smart Bank) เป็นศูนย์สุขภาพ ความงาม และ สปา ที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2540 เป็นเวลากว่า 10 ปี ที่เราได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง จนก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในวงการธุรกิจ เสริมหล่อ แห่งแรก แห่งเดียว แห่งเมืองไทย ในปัจจุบัน
จึงทำให้มั่นใจในประสบการณ์ได้ว่า มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจความงามเป็นอย่างดี
นโยบาย
สมาร์ท แบงก์ มีความตั้งมั่น ในการขยายการให้บริการ เพื่อตอบสนองความต้องการ และให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึง เราจึงได้ พัฒนาคุณภาพให้บริการ ตลอดจนมุ่งเน้นการขยายสาขา ศูนย์สุขภาพ ความงาม และสปา ให้ทั่วไทย
ตารางค่าใช้จ่าย
หัวข้อ ค่าใช้จ่าย
ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (ค่าแฟรนไชส์) 100,000
ค่าตกแต่งสถานที่ 200,000
ค่าอุปกรณ์เครื่องใช้ 150,000
ค่าอุปกรณ์แสดงสินค้า 50,000
สต๊อกสินค้า 300,000
สนใจธุรกิจ ติดต่อ ศูนย์สุขภาพ ความงาม และสปาสมาร์ท แบงก์(Spa Smart Bank)
ที่อยู่189 ถ.รัชดาภิเษก-ท่าพระ ซอย12
บุคคโล ธนบุรี (ใกล้เดอะมอล์ลท่าพระ)
กรุงเทพมหานคร 10600 โทรศัพท์ 0-2476-7776, 0-1490-0777
การดูแลเอาใจใส่ ร่างกายจากภายนอกจึงเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ ถึงแม้ว่า ธุรกิจความงาน และสปา จะมีการแข่งขันสูง แต่เป็นธุรกิจนี้ ก็ยังเป้นที่ต้องการของคนเป้นอย่างมาก ดังนั้นธุรกิจความงาม และสปาจึงที่อยู่คู่กับคนเรา
ไปอีกนาน
ปัจจุบันนี้มีแฟรนไชส์เกี่ยวกับความงาม มากมายเข้ามาแข่งขันในตลาดนี้ คงมีหลายๆคนที่ฝันว่าอยากจะเปิดร้านสปาที่ ทำธุรกิจเกี่ยวกับความงามควบคู่กันไปด้วย วันนี้จึงอยากจะเสนอ
ศูนย์สุขภาพ ความงามและสปาสมาร์ท แบงก์ (Spa Smart Bank) เป็นศูนย์สุขภาพ ความงาม และ สปา ที่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2540 เป็นเวลากว่า 10 ปี ที่เราได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง จนก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในวงการธุรกิจ เสริมหล่อ แห่งแรก แห่งเดียว แห่งเมืองไทย ในปัจจุบัน
จึงทำให้มั่นใจในประสบการณ์ได้ว่า มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจความงามเป็นอย่างดี
นโยบาย
สมาร์ท แบงก์ มีความตั้งมั่น ในการขยายการให้บริการ เพื่อตอบสนองความต้องการ และให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึง เราจึงได้ พัฒนาคุณภาพให้บริการ ตลอดจนมุ่งเน้นการขยายสาขา ศูนย์สุขภาพ ความงาม และสปา ให้ทั่วไทย
ตารางค่าใช้จ่าย
หัวข้อ ค่าใช้จ่าย
ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (ค่าแฟรนไชส์) 100,000
ค่าตกแต่งสถานที่ 200,000
ค่าอุปกรณ์เครื่องใช้ 150,000
ค่าอุปกรณ์แสดงสินค้า 50,000
สต๊อกสินค้า 300,000
สนใจธุรกิจ ติดต่อ ศูนย์สุขภาพ ความงาม และสปาสมาร์ท แบงก์(Spa Smart Bank)
ที่อยู่189 ถ.รัชดาภิเษก-ท่าพระ ซอย12
บุคคโล ธนบุรี (ใกล้เดอะมอล์ลท่าพระ)
กรุงเทพมหานคร 10600 โทรศัพท์ 0-2476-7776, 0-1490-0777
Labels:
ธุรกิจความงามและสปา
5/06/2011
ทำขนมทองพับขาย
ในช่วงเวลาเศษกิจเป็นพิษพอย่างนี้ หลายคนมองหาอาชีพจะมาช่วยเ์พิ่มรายได้ให้ทันกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกวัน
บางคนบอกว่า อย่าว่าแต่อาชีพเสริมอะไรนี่เลยอาชีพหลักยังไม่มีเลย ได้แก่นั่งมองใบไม้ร่วงไปวัน ๆ
วันนี้มีช่องทางการทำมาหากินมาฝาก ถึงจะไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จ ประเภทฉีกซองใส่น้ำเดือดรอ 3 นาที อะไรทำนองนั้น แต่เชื่อว่า หากใครได้นำไปคิด ไปขยายผล ไปต่อยอด เชื่อว่าต้องพบช่องทางแน่นอน ใครที่กำลังมองหาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ หันมาทำขนมพบด้วยเครื่องไฟฟ้า สะดวกรวดเร็ว สร้างเงิน สร้างงานด้วยวิธีง่ายๆ้ิ มีหลายคนทีสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ จากขนมทองพับ ทองม้วนได้กันเลยทีเดียว
ขนมทองพับ เป็นขนมไทยซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เป็นขนมที่มีส่วนผสมของแป้ง น้ำตาล ไข่ไก่
เกลือ วิธีการทำตัวแป้งนั้นง่าย แต่จะยากตรงการ ทำให้ตัวแป้งสุก แต่เดิมทำกับเตาถ่าน ในปัจจุบันอาจจะ
เตาไฟฟ้าซึ่งไม่ยุ่งยากในการเตรียมอุปกรณไม่ว่าจะเป็นเชื้อเพลิง หรือการควบคุมความร้อนของเตา แต่สำหรับเครื่องทำขนมทองพับแบบไฟฟ้า ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะทำงานด้วยไฟฟ้า
ภาพจาก:http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=16686.0
เครึ่องทำขนมทองพับที่ว่า เป็นเครืองที่ทำงานด้วยไฟฟ้า (คล้ายเครื่องทำแซนด์วิช) การใช้งานสะดวกรวดเร็ว
ก่อนที่จะพูดถึงตัวเครื่อง จะว่าในเรื่องของขนมทองพับก่อน ตัวขนมทองพับก็คือ ขนมทองม้วนนั่นเอง
เพียงแต่ลักษณะจะพับไปมาไม่ได้ม้วน ๆ เป็นทองม้วนเท่านั้นเอง
ข้อมูลเฉพาะเครื่องทำขนมทองพับ
1.ตัวเครื่องทำด้วยสเตนเลสอย่างดี ขนาดเครื่องกว้าง 3๐ เซนติเมตร x ยาว 6๐ เซนติเมตร x สูง 18 เซนติเมตร พร้อมหูหิ้วสำหรับยกเคลื่อนย้ายได้ง่าย
2.มีเตาไฟฟ้าพร้อมแม่พิมพ์ท่าขนมทองพับจำนวน 3 ชุด สามารถทำขนมทองพับได้พร้อมกันทั้ง 3 เตา ขนาดกำลัื ผลิต 180-250 ชิ้น/ชั่วโมง
3.มีเบรกเกอร์ไฟฟ้า ขนาด 10 A หลอด ไฟฟ้าแสดงการทำงานของเครื่อง และปุ่มปรับความร้อนของเตา สามารถควบคุมความร้อนของเตาได้
ตามความต้องการ สามารถใช้กับไฟฟ้าบ้านเรือน 220 โวลต์/2 สาย/50 ไซเกิล ใช้กำลังไฟ ขนาด 500-9๐๐ วัตต์
4.เครื่องนี้ประหยัดไฟ โดยเครื่องจะกินไม่เกินชั่วโมงละ 2.50 บาท
5.เครึ่องใช้งานง่าย สามารถทำได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่และใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
“เครื่องนี้สามารถสร้างอาชีพเสริม อาชีพหลัก หรืองานอดิเรกก็ได้ มีบางคนมาซื้อไป 3 เครื่อง แล้วทำส่งครั้งละ 300-500 ชิ้น นำไปส่งให้ร้านค้าแพ็กอีกที คือ
ส่งเฉพาะตัวขนม แต่จะได้ราคาที่ถูกลง หรือจะส่งตามร้านเป็นแพ็กไปถุงละ 8-10 ชิ้น ส่ง 8 บาท (ไปขายปลีก 10 บาท”)
ราคาเครื่อง 9,๐๐๐ บาท ซึ่งกำไรขนมทองพับมากกว่์า 150 %
สูตรขนมทองพับ(ทองม้วน)รสหวาน
ส่วนผสม
1. แป้งสาลี (ตราว่าว) 1 กิโลกรัม
2. น้ำตาลทราย 1 กิโลวรัม
3. เกลือป่น 2 ช้อนชา
4. ไข่ไก่ทั้งฟอง 4 ฟอง
5. กะทิสด 1.3 กิโลกรัม(ใช้มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม)
6. งาดำ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำแป้งสาล น้ำตาลทหย เกลือป่น งาดำใส่ลงไปในภาชนะชนะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
2. ใส่หัวกะทิลงไปแล้วตามด้วยไข่ไก่ทั้งหมด ตีให้เข้ากัน
3. นำแป้งที่ผสมแล้วหยอดในพิมพ์ที่ร้อนครั้งละ 1 ช้อน
สูตรขนมทองพับ(ทองม้วน)รสเค็ม
ส่วนผสม
1. แป้งสาลี (ตราว่าว) 1 กิโลกรัม
2. น้ำตาลทราย 800 กรัม
3. เกลือปน 2 ช้อนโต๊ะ
4. ไข่ไก่ทั้งฟอง 4 ฟอง
5. หัวกะทิ 1.3 กิโลกรัม(ใช้มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม)
6. พริกไทยป่น 1ช้อนชา
7. ต้นหอม ผักชีหั่นละเอียด เล็กน้อย
วิธีทำ
1. นำแป้งสาลี น้ำตาลทราย เกลือป่น งาดำใส่ลงไปในภาชนะชนะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
2. ใส่หัวกะทิลงไปแล้วตามด้วยไข่ไก่ทั้งหมดตีให้เข้ากัน
3. นำแป้งที่ผสมแล้วหยอดใส่พิมพ์ที่ร้อนครั้งละ 1 ช้อน
สูตรขนมทองพับรสฟักทอง
ส่วนผสม
1.แป้งสาลี (ตราว่าว) 1 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย1 กิโลกรัม
3.เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
4.ไข่ไก่ทั้งฟอง 4 ฟอง
5. หัวกะทิ 1.2 กิโลกรัม(ใช้มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม)
6.ฟักทอง (นึ่งสุก)พอประมาณ
วิธีทำ
1. นำแป้งกับน้ำตาล คนคลุกเคล้าเข้าด้วย
2. ใส่กะทิลงไป ตามด้วยไข่ไก่และเกลือปน
3. คนให้เข้ากันฟักทองนึ่งบดละเอียดล้ใไป คนให้เข้า
4. นำส่วนผสมทั้งหมดหยอดลงพิมพ์
สนใจสั่งซื้อได้ที่ 50/465 ซ.เมืองทองธานี ซี3
หมู่6 ถ.แจ้งวัฒนะต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
โทร 503-3292, 503-3725-6
**** ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง ตามเวลา
บางคนบอกว่า อย่าว่าแต่อาชีพเสริมอะไรนี่เลยอาชีพหลักยังไม่มีเลย ได้แก่นั่งมองใบไม้ร่วงไปวัน ๆ
วันนี้มีช่องทางการทำมาหากินมาฝาก ถึงจะไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จ ประเภทฉีกซองใส่น้ำเดือดรอ 3 นาที อะไรทำนองนั้น แต่เชื่อว่า หากใครได้นำไปคิด ไปขยายผล ไปต่อยอด เชื่อว่าต้องพบช่องทางแน่นอน ใครที่กำลังมองหาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ หันมาทำขนมพบด้วยเครื่องไฟฟ้า สะดวกรวดเร็ว สร้างเงิน สร้างงานด้วยวิธีง่ายๆ้ิ มีหลายคนทีสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ จากขนมทองพับ ทองม้วนได้กันเลยทีเดียว
ขนมทองพับ เป็นขนมไทยซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เป็นขนมที่มีส่วนผสมของแป้ง น้ำตาล ไข่ไก่
เกลือ วิธีการทำตัวแป้งนั้นง่าย แต่จะยากตรงการ ทำให้ตัวแป้งสุก แต่เดิมทำกับเตาถ่าน ในปัจจุบันอาจจะ
เตาไฟฟ้าซึ่งไม่ยุ่งยากในการเตรียมอุปกรณไม่ว่าจะเป็นเชื้อเพลิง หรือการควบคุมความร้อนของเตา แต่สำหรับเครื่องทำขนมทองพับแบบไฟฟ้า ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพราะทำงานด้วยไฟฟ้า
ภาพจาก:http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=16686.0
เครึ่องทำขนมทองพับที่ว่า เป็นเครืองที่ทำงานด้วยไฟฟ้า (คล้ายเครื่องทำแซนด์วิช) การใช้งานสะดวกรวดเร็ว
ก่อนที่จะพูดถึงตัวเครื่อง จะว่าในเรื่องของขนมทองพับก่อน ตัวขนมทองพับก็คือ ขนมทองม้วนนั่นเอง
เพียงแต่ลักษณะจะพับไปมาไม่ได้ม้วน ๆ เป็นทองม้วนเท่านั้นเอง
ข้อมูลเฉพาะเครื่องทำขนมทองพับ
1.ตัวเครื่องทำด้วยสเตนเลสอย่างดี ขนาดเครื่องกว้าง 3๐ เซนติเมตร x ยาว 6๐ เซนติเมตร x สูง 18 เซนติเมตร พร้อมหูหิ้วสำหรับยกเคลื่อนย้ายได้ง่าย
2.มีเตาไฟฟ้าพร้อมแม่พิมพ์ท่าขนมทองพับจำนวน 3 ชุด สามารถทำขนมทองพับได้พร้อมกันทั้ง 3 เตา ขนาดกำลัื ผลิต 180-250 ชิ้น/ชั่วโมง
3.มีเบรกเกอร์ไฟฟ้า ขนาด 10 A หลอด ไฟฟ้าแสดงการทำงานของเครื่อง และปุ่มปรับความร้อนของเตา สามารถควบคุมความร้อนของเตาได้
ตามความต้องการ สามารถใช้กับไฟฟ้าบ้านเรือน 220 โวลต์/2 สาย/50 ไซเกิล ใช้กำลังไฟ ขนาด 500-9๐๐ วัตต์
4.เครื่องนี้ประหยัดไฟ โดยเครื่องจะกินไม่เกินชั่วโมงละ 2.50 บาท
5.เครึ่องใช้งานง่าย สามารถทำได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่และใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
“เครื่องนี้สามารถสร้างอาชีพเสริม อาชีพหลัก หรืองานอดิเรกก็ได้ มีบางคนมาซื้อไป 3 เครื่อง แล้วทำส่งครั้งละ 300-500 ชิ้น นำไปส่งให้ร้านค้าแพ็กอีกที คือ
ส่งเฉพาะตัวขนม แต่จะได้ราคาที่ถูกลง หรือจะส่งตามร้านเป็นแพ็กไปถุงละ 8-10 ชิ้น ส่ง 8 บาท (ไปขายปลีก 10 บาท”)
ราคาเครื่อง 9,๐๐๐ บาท ซึ่งกำไรขนมทองพับมากกว่์า 150 %
สูตรขนมทองพับ(ทองม้วน)รสหวาน
ส่วนผสม
1. แป้งสาลี (ตราว่าว) 1 กิโลกรัม
2. น้ำตาลทราย 1 กิโลวรัม
3. เกลือป่น 2 ช้อนชา
4. ไข่ไก่ทั้งฟอง 4 ฟอง
5. กะทิสด 1.3 กิโลกรัม(ใช้มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม)
6. งาดำ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. นำแป้งสาล น้ำตาลทหย เกลือป่น งาดำใส่ลงไปในภาชนะชนะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
2. ใส่หัวกะทิลงไปแล้วตามด้วยไข่ไก่ทั้งหมด ตีให้เข้ากัน
3. นำแป้งที่ผสมแล้วหยอดในพิมพ์ที่ร้อนครั้งละ 1 ช้อน
สูตรขนมทองพับ(ทองม้วน)รสเค็ม
ส่วนผสม
1. แป้งสาลี (ตราว่าว) 1 กิโลกรัม
2. น้ำตาลทราย 800 กรัม
3. เกลือปน 2 ช้อนโต๊ะ
4. ไข่ไก่ทั้งฟอง 4 ฟอง
5. หัวกะทิ 1.3 กิโลกรัม(ใช้มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม)
6. พริกไทยป่น 1ช้อนชา
7. ต้นหอม ผักชีหั่นละเอียด เล็กน้อย
วิธีทำ
1. นำแป้งสาลี น้ำตาลทราย เกลือป่น งาดำใส่ลงไปในภาชนะชนะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
2. ใส่หัวกะทิลงไปแล้วตามด้วยไข่ไก่ทั้งหมดตีให้เข้ากัน
3. นำแป้งที่ผสมแล้วหยอดใส่พิมพ์ที่ร้อนครั้งละ 1 ช้อน
สูตรขนมทองพับรสฟักทอง
ส่วนผสม
1.แป้งสาลี (ตราว่าว) 1 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย1 กิโลกรัม
3.เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
4.ไข่ไก่ทั้งฟอง 4 ฟอง
5. หัวกะทิ 1.2 กิโลกรัม(ใช้มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม)
6.ฟักทอง (นึ่งสุก)พอประมาณ
วิธีทำ
1. นำแป้งกับน้ำตาล คนคลุกเคล้าเข้าด้วย
2. ใส่กะทิลงไป ตามด้วยไข่ไก่และเกลือปน
3. คนให้เข้ากันฟักทองนึ่งบดละเอียดล้ใไป คนให้เข้า
4. นำส่วนผสมทั้งหมดหยอดลงพิมพ์
สนใจสั่งซื้อได้ที่ 50/465 ซ.เมืองทองธานี ซี3
หมู่6 ถ.แจ้งวัฒนะต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
โทร 503-3292, 503-3725-6
**** ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลง ตามเวลา
Labels:
ขนมทองม้วน,
ทำขนมทองพับขาย,
วิธิทำขนมทองม้วน,
วิธีทำขนมทองพับ
4/18/2011
ทำเทียนหอม
การทำเทียนหอมนั้นไม่ได้ยุ่งยากมากมาย ทดลองทำใช้เองหรือทำขายหารายได้เข้ากระเป๋าเราได้สบายๆครับ การทำเทียนหอมนั้นได้จากการนำส่วนผสมต่าง ๆ มาหลอมรวมกัน เติมสีสันน้ำหอมจากนั้น นำมาปั้น หรือหล่อตามรูปแบบที่ต้องการ วิธีทำเทียนหอมนั้นง่าย แต่หากจะทำขายต้องใส่ดีไซน์เข้าไปให้ถูกใจคนซื้อ ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน ปัจจบันนี้ได้มีการพัฒนาโดยใช้วัสดุปรุงแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงามและสีสันทีสวยงามขึ้น ภาพจาก variety.teenee.com อุปกรณ์ในการทำเทียนหอม 1.เตาแก๊สปิกนิก 2.เทียนแผ่น 3.สีสำหรับย้อมเทียน 4.หัวน้ำหอมแบบต่างๆ 5.น้ำมันตะไคร้หอม 6.ภาชนะบรรจุเทียน 7.โหลแก้ว 8.เทียนแท่ง 9.ไส้เทียนทำจากด้ายดิบ 10.กาต้มน้ำขนาดเล็ก 11.เบ้าพิมพ์แบบเทียน 12.ริบบิ้น 13.กรรไกร. 14.มีด 15.ตะไคร้กันยุง วิธีทำเทียนหอมปรับอากาศ 1.หั่นเทียนออกเป็นแผ่นเล็กๆ จากนั้นใส่ลงในกาต้มน้ำตั้งไฟเคี่ยวจนเทียนละลายเป็นน้ำเทียน 2.ใส่สีย้อมเทียนลงไปเพื่อให้มีสีเข้มตามต้องการ คนให้ละลาย 3.ใส่หัวน้ำหอม 3-4 หยด/น้ำเทียน 0.5 กิโลกรัม จากนั้นนำน้ำเทียนมาเทใส่ภาชนะบรรจุเทียน ใส่ไส้เทียน รอให้เทียนเย็นจนแข็งตัว บรรจุถุง พลาสติก ติดริบบิ้น ตกแต่งให้สวยงามก็จะได้เทียนหอมปรับอากาศ หากต้องการให้มีหลายสีก็นำน้ำเทียนเทใส่ภาชนะบรรจุเทียนเพียง 1 /3 ของ ภาชนะ ปล่อยให้แข็งตัวแล้วนำน้ำเทียนสีอื่นๆ มาหยอดซ้อนเป็นชั้นๆ คล้ายขนมชั้น วิธีการใช้เบ้าพิมพ์เทียน 1. นำเทียนแผ่นมาละลายในกาต้มน้ำ ใส่สีย้อมเทียนตามต้องการหยดหัวน้ำหอมแล้วเทลงในถาดสี่เหลี่ยมใช้เป็นแผ่นบาง ๆ หนาตามต้องการ ทิ้งไว้ให้เริ่มแข็งตัว 2. ใช้เบ้าพิมพ์แบบเทียน หรือเบ้าพีมพ์ขนมรูปต่าง ๆ เช่น ดาว กดลงไปดึงแบบเทียนขึ้นมา จะได้เทียนชิ้นเล็ก ๆ นำไปตกแตงในภาชนะที่เตรียมไว้ เช่น โหลแก้ว หรือนำเทียนที่เทใส่ถาดปล่อยไว้ให้พอแข็งตัว แล้วเททับเป็นชั้นๆ โดยใช้สีต่างกัน จากนั้นนำมาม้วนในขณะที่ กำลังนิ่มอยู่ให้เป็นท่อนๆ ตัดเป็นชิ้นบางๆ จะได้เทียมเป็นชิ้นกลมมีลายซ้อนกันอยู่ภายใน สำหรับเทียนหอมกันยุง มีวิธีการทำเหมือนการทำเทียนหอมปรับอากาศ เพียงแต่เปลี่ยนจากการใส่หัวษ้ำหอมเป็น น้ำมันตะไคร้กันยุงประมาณ 2-3 หยด การลงทุนเบื้องต้น 8,000 บาท ต้นทุนในการผลิตจะถูกหรือแพ้นั้นขึ้นอยู่กับภาชนะแก้วสำหรับ บรรจุเทียน จึงควรสั่งในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะได้สินค้าในราคาที่ถูกลงต้นทุน/ชิ้น : 20 บาทขึ้นไป/ชิ้น กำไรประมาณ 30 % จากยอดขาย ช่องทางการขาย ฝากขายหรือขายส่งกับร้านกิฟช้อป ตลาดนัด และยังสามารถนำไป เสนอขายปลีกทางอินเทอร์เน็ตก็ได้ หากสนใจสามารถเข้าเรียนอบรมทำเทียนหอมเพิ่มเติมได้ที่ -สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทร. 0-2942-8200-45 ต่อ 2037-8 -กองส่งเสริมอาชีพ สำนักพัฒนาชุมชน กรุงเทพมหานคร โทร. 0-2613-7177-8 ,0-2613-791
Labels:
ทำเทียนหอม,
วิธีทำเทียนหอม
3/31/2011
ถุงสบู่ใยบวบ
ใยบวบส่วนของพืชที่ถูกทิ้งแห้งไว้ข้างรั้ว หากถูกแปลงโฉม ใส่ไอเดียเข้าไปเพื่อเพิ่มมูลค่า ก้สามารถสร้างาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้เราได้สบาย ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ประเภทสมุนไพรพื้นบ้านเพื่อสุขภาพ ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจเรื่องสุขภาพด้วยดีตลอดมา ไม่ว่าสินค้ะไร แบรนด์ไหน ก็มีช่องทางการตลอดที่ดี ดังเช่น “ถุงสบู่ใยบวบ” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากไอเดียสุดเก๋ของชาวเมืองเพีย จ.ขอนแก่น ที่ชูจุดเด่น งานแฮนด์เมด สวยงามล้ำสมัย เก๋ไก๋ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน พร้อมรุกตลาดคนรักสุขภาพทั่วประเทศ ประกอบกันในช่วงนั้นสินค้าโอทอปกำลังได้รับความนิยมเนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลในช่วงนั้น มีการจัดประกวดสินค้า OTOP เกิดขึ้น “พวกเราก็มาคิดกันว่าทำอย่างไรจะทำให้สินค้าหลังจากได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาแล้ว ทางกลุ่มก็เริ่มผลิตรองเท้าเพื่อส่งให้ตัแทนจำหน่าย สินค้าขายดิบขายดีจนผลิตกันแทบไม่ทั จนกระทั่งวันหนึ่งลูกค้าได้นำเสนอรูปแบบสินค้าแบบใหม่ นั่นคือ ตัวขัดผิว ทำให้กลุ่มเกิดแนวคิดในการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยวัตถุดิบที่ม่อยู่ก็คือ “ใยบวบ” หลังจากได้รูปแบบสินค้า “ถุงสบู่ใยบวบ” ที่ลงตัว ทางกลุ่มก็ได้มีโอกาสไปออกงานที่เมืองทองธานี มีลูกค้ามาสนใจมากมาย หลายกลุ่มทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จึงเป็นการจุดประกายไอเดียใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกว่า น่าจะทำถุงสบู่ใยบวบให้มีดีไซน์ที่เก๋ไก๋เหมาะกับเด็กวัยรุ่นเพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้เรื่องประโยชน์จากใยบวบให้เยาวชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงภูมิปัญญาไทยสืบทอดกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ทางกลุ่มจึงได้ออกแบบถุงสบู่ที่มีลวดลายน่ารักน่าเอ็นดูเป็นรูปช้าง ตุ๊กตา โคมไฟ รูปสัตว์ต่างๆ ซึ่งก็ได้การตอบรับอย่างล้นหลามจากกลุ่มลูกค้า สำหรับเรื่องการตลาดนั้นปวงนี้ทางกลุ่มทำตลาดโดยการออกงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจัด และส่งขายในกรุงเทพฯ ตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น สยามพารากอน สีลม นอกจากนี้ยังส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศโดยผ่านตัวแทนจำหน่าย เช่น อเมริกา ยุโรป ฮ่องกง และสิงคโปร์ ส่วนราคาจำหน่ายนั้นคุณเรืองอุไรกล่าวว่า เราขายปลีกและส่งที่ตัวละ 25 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำมากในการส่งจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศ แต่เราคิดว่าเราทำธุรกิจบนพื้นฐานของความพอเพียง จึงไม่ได้เน้นตั้งราคาจำหน่ายสูงเกินไป ขอเพียงมีกำไรพอสมาชิกอยู่ได้ และมีตัวแทนจำหน่ายซื้อสินค้าจากกลุ่มของเราก็พอแล้ว ส่วนรองเท้าก็จำหน่ายในราคาคู่ละ 100 บาท ซึ่งก็มีตัวแทนจำหน่ายที่สนใจนำผลิตภัณฑ์ของเราไปจำหน่ายตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งทางกลุ่มก็สามารถผลิตให้ได้ 1,000-10,000 ชิ้นต่อเดือน สนใจสินค้าคุณภาพดีฝีมือชาวบ้านสามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ ไทเมืองเพีย 80/2 หมู่ 2 ต.เมืองเพีย อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 40110 โทร. 08-9710-1 028, 08-9977-9780, 0-4337-6429
Labels:
ถุงสบู่ใยบวบ
3/23/2011
Pink lady เครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับผู้หญิง
ธุรกิจทำรายได้ มีตัวเลือกให้เราทำมากมายได้การเลือกธุรกิจจึงต้องมีปัจจัยหลายๆ อย่างพิจารณาก่อนลงทุน หนึ่งในปัจจัยนิยมและง่ายที่สุดในการตัดสินใจคือ มีคนทำแล้วสำเร็จก่อน สินค้าขายง่าย และมีลูกค้าที่แน่นอน
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเลือด ประจำเดือน ผู้หญิงสนใจอยู่แล้ว เพราะทุกคนมีปัญหา แค่ปวดประจำเดือน ทานแล้วทุเลา แล้วสรรพคุณก็เป็นสมุนไพรทานแล้วดี ไม่เป็นอันตราย ก็เกือบ 100 % ถ้าได้ทานแล้วเขาก็จะทานต่อ ตั้งแต่ทำมา 2 ปี ลูกค้าก็ยังต่อเนื่องตลอด เฉลี่ย 80 % ที่ทำมาลูกค้าสั่งซ้ำตลอดด้วยสรรพคุณของสมุนไพรนานาชนิด เช่น ว่านชักมดลูก ว่านมหาเมฆ กระชายดำ ลูกยอ เหล่านี้เป็นสมุนไพรไทยที่ได้รับการยอมรับเพื่อป้องกันและฟื้นฟูร่างกายอยู่แล้ว เครื่องดื่มสมุนไพร Pink lady ยังนำมาผสมผสานกับสารโปรไบโอติก ช่วยทำให้มีรสชาติที่ทานง่ายและส่งผลต่อสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอกมากยิ่งขึ้น
เพียงสรรพคุณสมุนไพรเหล่านี้ สินค้าก็สามารถขายได้ด้วยตัวสินค้าเอง เมื่อเปรียบเทียบราคากับสินค้าแบรนด์อื่นๆ Pink lady ก็ราคาถูกกว่าสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน นี่คือปัจจัยหลักที่ชี้ว่าสินค้าสามารถขายได้ด้วยตัวเอง และยืนยันการยอมรับที่ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ตลาดต่างประเทศก็ตอบรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Pink Lady เช่นกัน มีการส่งออกไปที่สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น บรูไน และทวีปยุโรป ปัจจุบันกำลังทำเรื่องของตราฮาลาล เพื่อทำตลาดตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้จุดเด่นของสินค้ายังส่งผลดีต่อเนื่องกับธุรกิจ คือ ธุรกิจนี้ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ ทุกคนทำได้ การลงทุนแค่ครั้งเดียวบริษัททำการตลาดประชาสัมพันธ์ช่วยอีกทาง และตัวสินค้าเองก็มีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน GMP ตรวจสอบได้ สินค้าผ่านการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเหมาะสำหรับลูกค้าทุกเพศทุกวัยที่จะสั่งซื้อทานเองหรือทำเป็นธุรกิจก็ได้
ราคาขายต่อจะนำไปเพิ่มจากราคาทุกได้อีก 40 % มันขึ้นอยู่กับการคุยกับลูกค้า คนเริ่มใหม่ เฉลี่ยทั้งกำไรราคาปลีกและค่าคอมฯ บริษัทบางคนก็เริ่มได้ที่ 40,000-50,000 บาทก็มี
เห็นตัวเลขนี้แล้ว คุณลีบอกว่า ต้องตั้งใจและมีความมุ่งมั่นที่จะทำด้วย ขอเพียงไม่ท้อและตั้งใจจริงทุกธุรกิจคุณก็สามารถทำได้เช่นกัน
สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08-9792-6454, 08-1349-6282, 08-1981-7144
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเลือด ประจำเดือน ผู้หญิงสนใจอยู่แล้ว เพราะทุกคนมีปัญหา แค่ปวดประจำเดือน ทานแล้วทุเลา แล้วสรรพคุณก็เป็นสมุนไพรทานแล้วดี ไม่เป็นอันตราย ก็เกือบ 100 % ถ้าได้ทานแล้วเขาก็จะทานต่อ ตั้งแต่ทำมา 2 ปี ลูกค้าก็ยังต่อเนื่องตลอด เฉลี่ย 80 % ที่ทำมาลูกค้าสั่งซ้ำตลอดด้วยสรรพคุณของสมุนไพรนานาชนิด เช่น ว่านชักมดลูก ว่านมหาเมฆ กระชายดำ ลูกยอ เหล่านี้เป็นสมุนไพรไทยที่ได้รับการยอมรับเพื่อป้องกันและฟื้นฟูร่างกายอยู่แล้ว เครื่องดื่มสมุนไพร Pink lady ยังนำมาผสมผสานกับสารโปรไบโอติก ช่วยทำให้มีรสชาติที่ทานง่ายและส่งผลต่อสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอกมากยิ่งขึ้น
เพียงสรรพคุณสมุนไพรเหล่านี้ สินค้าก็สามารถขายได้ด้วยตัวสินค้าเอง เมื่อเปรียบเทียบราคากับสินค้าแบรนด์อื่นๆ Pink lady ก็ราคาถูกกว่าสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน นี่คือปัจจัยหลักที่ชี้ว่าสินค้าสามารถขายได้ด้วยตัวเอง และยืนยันการยอมรับที่ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ตลาดต่างประเทศก็ตอบรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Pink Lady เช่นกัน มีการส่งออกไปที่สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น บรูไน และทวีปยุโรป ปัจจุบันกำลังทำเรื่องของตราฮาลาล เพื่อทำตลาดตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้จุดเด่นของสินค้ายังส่งผลดีต่อเนื่องกับธุรกิจ คือ ธุรกิจนี้ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ ทุกคนทำได้ การลงทุนแค่ครั้งเดียวบริษัททำการตลาดประชาสัมพันธ์ช่วยอีกทาง และตัวสินค้าเองก็มีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน GMP ตรวจสอบได้ สินค้าผ่านการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเหมาะสำหรับลูกค้าทุกเพศทุกวัยที่จะสั่งซื้อทานเองหรือทำเป็นธุรกิจก็ได้
ราคาขายต่อจะนำไปเพิ่มจากราคาทุกได้อีก 40 % มันขึ้นอยู่กับการคุยกับลูกค้า คนเริ่มใหม่ เฉลี่ยทั้งกำไรราคาปลีกและค่าคอมฯ บริษัทบางคนก็เริ่มได้ที่ 40,000-50,000 บาทก็มี
เห็นตัวเลขนี้แล้ว คุณลีบอกว่า ต้องตั้งใจและมีความมุ่งมั่นที่จะทำด้วย ขอเพียงไม่ท้อและตั้งใจจริงทุกธุรกิจคุณก็สามารถทำได้เช่นกัน
สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 08-9792-6454, 08-1349-6282, 08-1981-7144
3/18/2011
ขายทอดมันปลากราย
ขายทอดมันปลากราย
การประกอบธุรกิจขายอาหารนั้น น่าสนใจเพราะ ขายได้เรื่อยๆ ขายได้ตลอดเวลา การทำทอดมันปลากราย ก็น่าสนใจเพราะ ทอดมันปลากรายเป็นอาหารที่ทำง่าย ขายง่าย และรายได้ยังดีอีกด้วย จริงๆ แล้วการทำทอดมันปลายกรายให้อร่อยและน่า รับประทานมีขั้นตอนและเคล็ดลับอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เคล็ดลับการทำทอดมันปลากรายให้อร่อย นั้นคือการเลือกเนื้อปลา ที่สดจะทำให้ทอดมันปลาเหนียว
ความน่าสนใจในการขายทอดมันปลากรายนั้น คือ เป็นอาหารที่ มีกลิ่นหอม ชวนกิน ใครเดินผ่านต้องแวะซื้อ เพราะกลิ่นเครื่องแกง สามารถเรียกลูกค้าได้ดีทีเดียว นอกจากนั้นทอดมันปลากรายยังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค
ส่วนผสมทอดมันปลากราย (สำหรับทำทอดมัน 20 กิโลกรัม)
1.เนื้อปลาสด 15 กิโลกรัม
2.พริกแกงเผ็ด 4 กิโลกรัม
3.ถั่วฝักยาว 3 กิโลกรัม
4.ไข่ไก่ 4-5 ฟอง
5.น้ำปลา
6.น้ำตาลทราย
7.ผงชูรส(หรือไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำทอดมันปลากราย
2.นำเครื่องพริกแกงลงผสมและนวดให้เข้ากัน
3.ใส่ถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อนบางๆ ใส่ไข่ไก่นวดให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลทรายพอประมาณ และ ผงชูรสเล็กน้อย
ขั้นตอนการทอด
- ปั้นทอดมันเป็นลูกกลมรีใหญ่กว่าหัวแม่มือเล็กน้อย การปั้นเป็นลูกกลมรีจะช่วยให้ทอดมันไม่แห้งและชืด
- น้ำมันที่ใช้ทอดควรจะเป็น น้ำมันปาล์ม ผู้ขายควรใส่น้ำมันในกะทะมากๆ เพราะทอดมันจะพองฟูน่ารับประทานการทอดให้ทอดด้วยไฟปานกลาง
- เคล็ดลับในการทอด คือ ก่อนจะทอด ให้ใช้น้ำมันปาล์มทามือให้ทั่ว เพราะเวลาทอด เมื่อน้ำมันกระเด็นใส่มือ มือจะไม่พอง และเมื่อเลิกทอดแล้ว ผู้ขายควรล้างมือด้วยน้ำใบชาต้มผสม
น้ำมะนาว น้ำดังกล่าวจะช่วยล้างกลิ่นคาว และทำให้มือนุ่มนวลไม่ เหี่ยว ย่น
ส่วนผสมในการทำน้ำจิ้มทอดมันปลากราย(สำหรับทอดมันประมาณ 40-50 กิโลกรัม )
1.น้ำตาลทรายประมาณ 8-10 กิโลกรัม
2.พริกขี้หนูแดง 1 กิโลกรัม
3.น้ำส้มสายชู พอประมาณ
4.เกลือป่น พอประมาณ
การทำน้ำจิ้มทอดมันปลากราย
1.นำน้ำตาลทรายมาผสมกับน้ำสะอาด ตั้งไฟ เคี่ยวให้เป็นน้ำเชื่อม กะดูให้เหนียว แล้วยกลงพักไว้
2.นำพริกขี้หนูแดงมาปั่น เติมน้ำพอขลุกขลิก แล้วปั่นให้ละเอียด นำไปตั้งไฟเคี่ยวสักพัก จากนั้นยกลง
3.เวลาที่จะนำมาใช้ ให้เอาทั้ง 2 ส่วนผสมกัน เติมเกลือป่นและน้ำส้มสายชูพอประมาณชิมรสให้กลมกล่อม สุดท้ายโรยด้วยผักชีหั่นฝอย
ลงทุนดังนี้
1. ถังก๊าซ หัวแก๊ส 1,000-1,500บาท
2.กระทะ (ใบใหญ่) ใบละ 8๐๐ บาท
3.ถังแช่เย็น (ขึ้นอยู่กับขนาด)
4.ร่มกันแดด 5๐๐-1,000 บาท
- โต๊ะเก้าอี้
- อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ตะหลิว ถึงพลาสติก น้ำมัน ตะแกรง ไม้ยาว ฯลฯ
- แรงงาน 1-2 คน
รวมมูลค่าการลงทุนเริ่มต้น ประมาณ 3,000-10,000 บาท นอกจากนี้ ถ้าผู้ขายมีรถกระบะด้วยก็จะดี เพราะจะได้เร่ขายตามตลาดนัดต่าง ๆ ได้สะดวก สำหรับกำไรจากการขาย กรณีขายได้ 15 กิโลกรัม จะได้กำไรไม่ต่ำกว่า 5๐๐-800 บาทต่อวัน
**เคล็ดลับในการทำทอดมัน คือ
ให้ผู้ขายนำทอดมันที่ผสมเสร็จแล้ว ไปแช่น้ำแข็งป่นเอาไว้สัก 1 คืน พอรุ่งขึ้น จึงนำมาทอดขาย เพราะวิธีนี้จะทำให้ทอดมันปลากราย พองฟูน่ารับประทาน
การประกอบธุรกิจขายอาหารนั้น น่าสนใจเพราะ ขายได้เรื่อยๆ ขายได้ตลอดเวลา การทำทอดมันปลากราย ก็น่าสนใจเพราะ ทอดมันปลากรายเป็นอาหารที่ทำง่าย ขายง่าย และรายได้ยังดีอีกด้วย จริงๆ แล้วการทำทอดมันปลายกรายให้อร่อยและน่า รับประทานมีขั้นตอนและเคล็ดลับอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เคล็ดลับการทำทอดมันปลากรายให้อร่อย นั้นคือการเลือกเนื้อปลา ที่สดจะทำให้ทอดมันปลาเหนียว
ความน่าสนใจในการขายทอดมันปลากรายนั้น คือ เป็นอาหารที่ มีกลิ่นหอม ชวนกิน ใครเดินผ่านต้องแวะซื้อ เพราะกลิ่นเครื่องแกง สามารถเรียกลูกค้าได้ดีทีเดียว นอกจากนั้นทอดมันปลากรายยังเป็นที่นิยมของผู้บริโภค
ส่วนผสมทอดมันปลากราย (สำหรับทำทอดมัน 20 กิโลกรัม)
1.เนื้อปลาสด 15 กิโลกรัม
2.พริกแกงเผ็ด 4 กิโลกรัม
3.ถั่วฝักยาว 3 กิโลกรัม
4.ไข่ไก่ 4-5 ฟอง
5.น้ำปลา
6.น้ำตาลทราย
7.ผงชูรส(หรือไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำทอดมันปลากราย
2.นำเครื่องพริกแกงลงผสมและนวดให้เข้ากัน
3.ใส่ถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อนบางๆ ใส่ไข่ไก่นวดให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลทรายพอประมาณ และ ผงชูรสเล็กน้อย
ขั้นตอนการทอด
- ปั้นทอดมันเป็นลูกกลมรีใหญ่กว่าหัวแม่มือเล็กน้อย การปั้นเป็นลูกกลมรีจะช่วยให้ทอดมันไม่แห้งและชืด
- น้ำมันที่ใช้ทอดควรจะเป็น น้ำมันปาล์ม ผู้ขายควรใส่น้ำมันในกะทะมากๆ เพราะทอดมันจะพองฟูน่ารับประทานการทอดให้ทอดด้วยไฟปานกลาง
- เคล็ดลับในการทอด คือ ก่อนจะทอด ให้ใช้น้ำมันปาล์มทามือให้ทั่ว เพราะเวลาทอด เมื่อน้ำมันกระเด็นใส่มือ มือจะไม่พอง และเมื่อเลิกทอดแล้ว ผู้ขายควรล้างมือด้วยน้ำใบชาต้มผสม
น้ำมะนาว น้ำดังกล่าวจะช่วยล้างกลิ่นคาว และทำให้มือนุ่มนวลไม่ เหี่ยว ย่น
ส่วนผสมในการทำน้ำจิ้มทอดมันปลากราย(สำหรับทอดมันประมาณ 40-50 กิโลกรัม )
1.น้ำตาลทรายประมาณ 8-10 กิโลกรัม
2.พริกขี้หนูแดง 1 กิโลกรัม
3.น้ำส้มสายชู พอประมาณ
4.เกลือป่น พอประมาณ
การทำน้ำจิ้มทอดมันปลากราย
1.นำน้ำตาลทรายมาผสมกับน้ำสะอาด ตั้งไฟ เคี่ยวให้เป็นน้ำเชื่อม กะดูให้เหนียว แล้วยกลงพักไว้
2.นำพริกขี้หนูแดงมาปั่น เติมน้ำพอขลุกขลิก แล้วปั่นให้ละเอียด นำไปตั้งไฟเคี่ยวสักพัก จากนั้นยกลง
3.เวลาที่จะนำมาใช้ ให้เอาทั้ง 2 ส่วนผสมกัน เติมเกลือป่นและน้ำส้มสายชูพอประมาณชิมรสให้กลมกล่อม สุดท้ายโรยด้วยผักชีหั่นฝอย
ลงทุนดังนี้
1. ถังก๊าซ หัวแก๊ส 1,000-1,500บาท
2.กระทะ (ใบใหญ่) ใบละ 8๐๐ บาท
3.ถังแช่เย็น (ขึ้นอยู่กับขนาด)
4.ร่มกันแดด 5๐๐-1,000 บาท
- โต๊ะเก้าอี้
- อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ตะหลิว ถึงพลาสติก น้ำมัน ตะแกรง ไม้ยาว ฯลฯ
- แรงงาน 1-2 คน
รวมมูลค่าการลงทุนเริ่มต้น ประมาณ 3,000-10,000 บาท นอกจากนี้ ถ้าผู้ขายมีรถกระบะด้วยก็จะดี เพราะจะได้เร่ขายตามตลาดนัดต่าง ๆ ได้สะดวก สำหรับกำไรจากการขาย กรณีขายได้ 15 กิโลกรัม จะได้กำไรไม่ต่ำกว่า 5๐๐-800 บาทต่อวัน
**เคล็ดลับในการทำทอดมัน คือ
ให้ผู้ขายนำทอดมันที่ผสมเสร็จแล้ว ไปแช่น้ำแข็งป่นเอาไว้สัก 1 คืน พอรุ่งขึ้น จึงนำมาทอดขาย เพราะวิธีนี้จะทำให้ทอดมันปลากราย พองฟูน่ารับประทาน
Labels:
ขายทอดมันปลากราย,
ทอดมันปลากราย,
วิธีทำทอดมันปลากราย
3/07/2011
ขายกล้วยทอด
กล้วยทอด หรือกล้วยแขก ประวัติและที่มาของกล้วยแขกทอด ไม่ทราบแน่ชัด แต่ข้อมูลที่มีน้ำหนักมากกล้วยแขกน่าจะเป็นอาหารที่มาจากวัฒนธรรมการปรุงอาหารของชาวอินเดีย ซึ่งจะใช้การทอด เหมือนกับถั่วทอด ซึ่ีงแตกต่างกับวัฒนธรรมการปรุงอาหารของไทย ซึ่งใช้ต้ม ปิ้ง ย่าง เป็นหลัก เช่น กล้วยบวชชี กล้วยต้มมะพร้าวขูดโรยน้ำตาล กล้วยปิ้ง ขนมกล้วยที่ต้องห่อใบตองย่าง บ้างก็ว่าเป็นขนมที่ชาวโปตุเกตุนำเข้ามาประเทศไทย เลยยังเป็นข้อถกเถียงกันเรื่อยมา ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้
ขายกล้วยแขกทอด อาชีพขายกล้วยทอดนั้นมีความน่าสนใจเพราะทำกำไรได้งาม บางเจ้าขายเป็น ร้อยๆหวีต่อวันเลยทีเดียว ทั้งนี้ความอร่อยของกล้วยทอดอยู่ที่การเลือกกล้วยสำหรับนำมาทอด ต้องเลือกกล้วยแก่ที่ตัดจากต้น ไม่ใช่ลักษณะกล้วยเหี่ยวบ่ม สูตรกล้วยทอดนั้นมีหลายสูตรเจ้าของสูตรจะไม่ค่อยเปิดเผยกันง่ายๆถือเป็นความลับของแต่ละคน วันนี้มีสูตรกล้วยแขกอร่อยๆมาฝากให้ทดลองทำกันดู 1 สูตร
ส่วนผสมกล้วยแขกทอด(1หวี)
- กล้วยน้ำว้าสุกหรือห่าม 1 หวี
- แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
- แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
- หัวกะทิ 1 ? ถ้วยตวง
- มะพร้าวขูด 1 ถ้วยตวง
- น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
- เกลือ 1 ช้อนชา
- งาคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ให้นำแป้งสาลีและแป้งข้าวเจ้า ผสมกับเกลือแล้วนวดกับหัวกะทิและมะพร้าวขูดให้เข้ากัน เติมน้ำปูนใสลงไปจากนั้นแล้วนวดต่อไปเรื่อยๆใส่งาคั่วลงไป
2. นำกระทะมาตั้งไฟเลือกใช้ปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปกะให้ท่วมกล้วยที่จะทอด เมื่อน้ำมันร้อนให้นำกล้วยที่หั่นตามยาวประมาณ 3-4 ชิ้น/1 ลูก นำกล้วยมาชุบกับแป้งที่เตรียมไว้ ใส่ลงทอดในน้ำมัน จนเต็มกระทะ
3. รอให้แป้งเหลืองกรอบและเนื้อกล้วยสุก ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน นำใส่ถุงกระดาษเตรียมขายให้ลูกค้า กล้วยทอดต้องทานใหม่ๆหลังทอดเสร็จจะอร่อยมาก
***สูตรแป้งกล้วยทอดนี้สามารถใช้ได้กับ มันทอด เผือกทอด ฟักทองทอด กล้วยตากทอด การขายเฉพาะกล้วยทอดอย่างเดียวนั้น อาจจะไม่เพียงพอ ลองมาสินค้าประเภทใกล้เคียงกันมาเป็นทางเลือกให้ลูกค้า เช่น ขนมไข่นกกระทา ข้าวเม่าทอด เป็นต้นเพราะเป็นสิ้นค้าประเภททอดเหมือนกัน
ขายกล้วยแขกทอด อาชีพขายกล้วยทอดนั้นมีความน่าสนใจเพราะทำกำไรได้งาม บางเจ้าขายเป็น ร้อยๆหวีต่อวันเลยทีเดียว ทั้งนี้ความอร่อยของกล้วยทอดอยู่ที่การเลือกกล้วยสำหรับนำมาทอด ต้องเลือกกล้วยแก่ที่ตัดจากต้น ไม่ใช่ลักษณะกล้วยเหี่ยวบ่ม สูตรกล้วยทอดนั้นมีหลายสูตรเจ้าของสูตรจะไม่ค่อยเปิดเผยกันง่ายๆถือเป็นความลับของแต่ละคน วันนี้มีสูตรกล้วยแขกอร่อยๆมาฝากให้ทดลองทำกันดู 1 สูตร
ส่วนผสมกล้วยแขกทอด(1หวี)
- กล้วยน้ำว้าสุกหรือห่าม 1 หวี
- แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
- แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
- หัวกะทิ 1 ? ถ้วยตวง
- มะพร้าวขูด 1 ถ้วยตวง
- น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
- เกลือ 1 ช้อนชา
- งาคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ให้นำแป้งสาลีและแป้งข้าวเจ้า ผสมกับเกลือแล้วนวดกับหัวกะทิและมะพร้าวขูดให้เข้ากัน เติมน้ำปูนใสลงไปจากนั้นแล้วนวดต่อไปเรื่อยๆใส่งาคั่วลงไป
2. นำกระทะมาตั้งไฟเลือกใช้ปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปกะให้ท่วมกล้วยที่จะทอด เมื่อน้ำมันร้อนให้นำกล้วยที่หั่นตามยาวประมาณ 3-4 ชิ้น/1 ลูก นำกล้วยมาชุบกับแป้งที่เตรียมไว้ ใส่ลงทอดในน้ำมัน จนเต็มกระทะ
3. รอให้แป้งเหลืองกรอบและเนื้อกล้วยสุก ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน นำใส่ถุงกระดาษเตรียมขายให้ลูกค้า กล้วยทอดต้องทานใหม่ๆหลังทอดเสร็จจะอร่อยมาก
***สูตรแป้งกล้วยทอดนี้สามารถใช้ได้กับ มันทอด เผือกทอด ฟักทองทอด กล้วยตากทอด การขายเฉพาะกล้วยทอดอย่างเดียวนั้น อาจจะไม่เพียงพอ ลองมาสินค้าประเภทใกล้เคียงกันมาเป็นทางเลือกให้ลูกค้า เช่น ขนมไข่นกกระทา ข้าวเม่าทอด เป็นต้นเพราะเป็นสิ้นค้าประเภททอดเหมือนกัน
ขอบคุณภาพจาก new.goosiam.com และ watsaithon.igetweb.com
Labels:
กล้วยแขกทอด,
ขายกล้วยทอด
2/17/2011
จะโหรมเครื่องแกงปักษ์ใต้สูตรทำเงิน สร้างอาชีพ
อาหารการกิน ของเรานั้นการปรุงอาหารให้หอมอรอ่ย คงขาดเครื่องแกงไปไม่ได้ วันนี้มีอาชีพทำเงินจากเครื่องแกงมาฝาก จะโหรม ชื่ออาจจะฟังดูแปลกๆสำหรับคนทั่วๆไป แต่เรื่องรสชาติ ไม่เป็นรองใครแน่ๆ เครื่องแกง ถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งซึ่งสำคัญสำหรับการปรุงอาหาร ยิ่งสำหรับร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือเป็นโรงแรมต่างๆ ที่ต้องเตรียมเครื่องปรุงต่างๆ มากมาย คงไม่มีเวลามานั่งโขลกเครื่องแกง แต่ละชนิด แต่ละประเภท สำหรับไว้ปรุงอาหาร ยิ่งเวลาที่ร้านมีคนเข้ามาเยอะๆ คงไม่มีเวลาเตรียมเครื่องปรุงมากมายขนาดนั้น ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เครื่องแกงรสดี ‘จะโหรม’ สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้ธุรกิจเหล่านให้ได้
เมื่อธุรกิจดำเนินมาจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ของคุณสมบูรณ์แล้วนั้น ก็คือ คุณเจต-คุณชุติมา และคุณเชาวลิต ซึ่งเป็นลูกและหลานของคุณสมบูรณ์ บอกว่า เขาเริ่มทำการตลาดเพิ่มมากขึ้น และเนื่องด้วยเรื่องของความสะอาด ถูกสุขอนามัยของเครื่องแกง รวมถึงรสชาติที่อร่อย ถูกปาก ทำให้ห้างแม็คโครเห็นถึงศักยภาพตรงนั้นเลยติดต่อสินค้าเข้าไปขายในห้างแม็คโคร นอกจากนี้ เครื่องแกง ‘จะโหรม’ ยังมีขาย ในเทสโก้โลตัส บางสาขา และห้าง ที่จ.ภูเก็ตอีกด้วย
จุดเด่นของเครื่องแกง ‘จะโหรม’ คือ
แกงแต่ละประเภท จะมีเครื่องแกงแยกแต่ละประเภทไปเลย ถ้าไปตามตลาดทั่วไปจะเห็นได้ว่าร้านขายเครื่องแกงต่างๆ จะวางโถเครื่องแกงอยู่บนแผงไว้ไม่กี่โถ เวลาจะซึ้อเครื่องแกงไปทำแภงอะไรลักอย่างหนื่ง อย่างเช่น แกงมัสมั่น คนขายก็จะตักโน่นนิด ตักนี่หน่อย ผลมผลานกันมาให้ แต่ของ ‘จะโหรม’จะนำไปทำแกงอะไร เช่น แกงเนึ้อ ก็มีเครื่องแกงเนึ้อให้ ถ้าจะแกงปลา ก็มีเครื่องแกงปลาให้อีกเช่นกัน ‘จะโหรม’ จะแยกแต่ละประเภทใว้ให้สำเร็จ ลูกค้าไม่ต้องกังวลว่าจะต้องนำไปผสมอะไรอีก
เครื่องแกง ‘จะโหรม’ มีเครื่องแกงอยู่มากมายกว่า 20 รายการ ประกอบด้วย พริกแกงกะทิ, พริกแกงส้ม (พริกขี้หนูแห้ง), พริกแกงส้ม (พริกขี้หนูสด), พริกแกงขนมจีนน้ำยา, พริกแกงเนึ้อ, พริกแกงป่า/่ไตปลา,
พริกแกงผัดเผ็ด, พริกแกงเขียวหวาน, พริกแกงพริกแดง (สำหรับผัดหมี่, แกงน้ำพริกขนมจีนแบบหวาน), พริกแกงพะแนง, เครื่องข้าวหมก, พริกแกงมัสมั่น, น้ำพริกเผา, พริกแกงกระหรี่, พริกแกงแพะ/แกงเป็ด, พริกแกงฉู่ฉี่, พริกแกงเทโพ, พริกแกงห่อหมก, พริกแกงป่า และ 20.เครื่องไก่ย่างกอและ ถึง ‘จะโหรม’ เป็นอุตสาหกรรมครัวเรือน แต่ในเรื่องของความสะอาด ทั้งของตัวผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ และกระบวนการผลิตก็ยึดถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจนี้ โดยเครื่องแกงจะไม่ใส่สารกันบูด ฉะนั้นอายุของเครื่องแกงจึงอยู่ได้ในระยะสั้น
หากจัดเก็บไว้ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิปกติจะเก็บได้ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่หากเก็บไว้ในตู้เย็นจะเก็บได้นานถึง 1 เดือน และจะทำการผลิตใหม่ในทุกวัน ซึ่งผู้บริโภคสามารถเชื่อมั่นในสินค้าได้ เพราได้รับการรับรองเป็นสินค้า ฮาลาล, ผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดตรังและการได้รับมาตรฐานจาก มผช. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์ ชุมชน )
การผลิตเครื่องแกงนั้น ต้นทุนในการผลิตจะไม่มาก แต่เมื่อขายแล้วก็จะได้กำไรพอสมควร ถือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจอีกหนึ่งธุรกิจ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจนำไปใช้ในร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือโรงแรมต่างๆ หรือสนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย ก็สามารถสั่งซึ้อสินค้าได้ โดยเครื่องแกงแต่ละ ประเภทจะมีราคาขายไม่เท่ากัน การส่งสินค้าจะส่งผ่านขนล่งต่างๆ ตามแต่ที่ลูกค้าสะดวก สำหรับคนที่สนใจจะสั่งสินค้าไปจำหน่าย ก็ติดต่อเข้ามาคุยก่อน ว่าจะสั่งเครื่องแกงประเภทไหนอย่างไร โดยจะลั่งในจำนวนเท่าใดก็ได้ คิดค่าส่งตามจริง
สนใจสั่งซื้อหรือเป็นตัวแทนจำหน่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณเจต-คุณชุติมา อาลิแอ
โทร.081-597-6786, 086-6846492 หรือ คุณเชาวลิต เจ๊ะแล๊ะ โทร. 081-875-5032
หรือที่ 1/36 หมู่ 2 ถ.ตรัง-ปะเหลียน ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง 92000 โทร. 0-7522-4448
ขอบคุณภาพจาก healthcorners.com
เมื่อธุรกิจดำเนินมาจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ของคุณสมบูรณ์แล้วนั้น ก็คือ คุณเจต-คุณชุติมา และคุณเชาวลิต ซึ่งเป็นลูกและหลานของคุณสมบูรณ์ บอกว่า เขาเริ่มทำการตลาดเพิ่มมากขึ้น และเนื่องด้วยเรื่องของความสะอาด ถูกสุขอนามัยของเครื่องแกง รวมถึงรสชาติที่อร่อย ถูกปาก ทำให้ห้างแม็คโครเห็นถึงศักยภาพตรงนั้นเลยติดต่อสินค้าเข้าไปขายในห้างแม็คโคร นอกจากนี้ เครื่องแกง ‘จะโหรม’ ยังมีขาย ในเทสโก้โลตัส บางสาขา และห้าง ที่จ.ภูเก็ตอีกด้วย
จุดเด่นของเครื่องแกง ‘จะโหรม’ คือ
แกงแต่ละประเภท จะมีเครื่องแกงแยกแต่ละประเภทไปเลย ถ้าไปตามตลาดทั่วไปจะเห็นได้ว่าร้านขายเครื่องแกงต่างๆ จะวางโถเครื่องแกงอยู่บนแผงไว้ไม่กี่โถ เวลาจะซึ้อเครื่องแกงไปทำแภงอะไรลักอย่างหนื่ง อย่างเช่น แกงมัสมั่น คนขายก็จะตักโน่นนิด ตักนี่หน่อย ผลมผลานกันมาให้ แต่ของ ‘จะโหรม’จะนำไปทำแกงอะไร เช่น แกงเนึ้อ ก็มีเครื่องแกงเนึ้อให้ ถ้าจะแกงปลา ก็มีเครื่องแกงปลาให้อีกเช่นกัน ‘จะโหรม’ จะแยกแต่ละประเภทใว้ให้สำเร็จ ลูกค้าไม่ต้องกังวลว่าจะต้องนำไปผสมอะไรอีก
เครื่องแกง ‘จะโหรม’ มีเครื่องแกงอยู่มากมายกว่า 20 รายการ ประกอบด้วย พริกแกงกะทิ, พริกแกงส้ม (พริกขี้หนูแห้ง), พริกแกงส้ม (พริกขี้หนูสด), พริกแกงขนมจีนน้ำยา, พริกแกงเนึ้อ, พริกแกงป่า/่ไตปลา,
พริกแกงผัดเผ็ด, พริกแกงเขียวหวาน, พริกแกงพริกแดง (สำหรับผัดหมี่, แกงน้ำพริกขนมจีนแบบหวาน), พริกแกงพะแนง, เครื่องข้าวหมก, พริกแกงมัสมั่น, น้ำพริกเผา, พริกแกงกระหรี่, พริกแกงแพะ/แกงเป็ด, พริกแกงฉู่ฉี่, พริกแกงเทโพ, พริกแกงห่อหมก, พริกแกงป่า และ 20.เครื่องไก่ย่างกอและ ถึง ‘จะโหรม’ เป็นอุตสาหกรรมครัวเรือน แต่ในเรื่องของความสะอาด ทั้งของตัวผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ และกระบวนการผลิตก็ยึดถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจนี้ โดยเครื่องแกงจะไม่ใส่สารกันบูด ฉะนั้นอายุของเครื่องแกงจึงอยู่ได้ในระยะสั้น
หากจัดเก็บไว้ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิปกติจะเก็บได้ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่หากเก็บไว้ในตู้เย็นจะเก็บได้นานถึง 1 เดือน และจะทำการผลิตใหม่ในทุกวัน ซึ่งผู้บริโภคสามารถเชื่อมั่นในสินค้าได้ เพราได้รับการรับรองเป็นสินค้า ฮาลาล, ผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดตรังและการได้รับมาตรฐานจาก มผช. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์ ชุมชน )
การผลิตเครื่องแกงนั้น ต้นทุนในการผลิตจะไม่มาก แต่เมื่อขายแล้วก็จะได้กำไรพอสมควร ถือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจอีกหนึ่งธุรกิจ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจนำไปใช้ในร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือโรงแรมต่างๆ หรือสนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย ก็สามารถสั่งซึ้อสินค้าได้ โดยเครื่องแกงแต่ละ ประเภทจะมีราคาขายไม่เท่ากัน การส่งสินค้าจะส่งผ่านขนล่งต่างๆ ตามแต่ที่ลูกค้าสะดวก สำหรับคนที่สนใจจะสั่งสินค้าไปจำหน่าย ก็ติดต่อเข้ามาคุยก่อน ว่าจะสั่งเครื่องแกงประเภทไหนอย่างไร โดยจะลั่งในจำนวนเท่าใดก็ได้ คิดค่าส่งตามจริง
สนใจสั่งซื้อหรือเป็นตัวแทนจำหน่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณเจต-คุณชุติมา อาลิแอ
โทร.081-597-6786, 086-6846492 หรือ คุณเชาวลิต เจ๊ะแล๊ะ โทร. 081-875-5032
หรือที่ 1/36 หมู่ 2 ถ.ตรัง-ปะเหลียน ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง 92000 โทร. 0-7522-4448
ขอบคุณภาพจาก healthcorners.com
2/03/2011
ประกาศรับสมัครแพทย์แผนไทย
สำหรับท่านที่กำลังมองหางานนะครับ วันนี้มีข่าวประชาสัมพันธ์มาฝากครับ
ด่วน!!ประกาศรับสมัคร
-แพทย์แผนไทย 2 ตำแหน่ง
-พนักงานนวดเท้า นวดไทย นวดอโรมา 10 ตำแหน่ง
ร้านแถวพระราม 9 ใกล้ห้างสรรพสินค้า Fortune
คุณสมบัติ
1. เพศหญิง/ เพศชาย
2. รับสมัครทั้ง Full-Time/ Part-Time
3. บุคลิกดี และมนุษยสัมพันธ์ดี รักงานบริการ มีความรับผิดชอบ
4. มีใบประกาศการเรียนการนวดแผนไทย
5. ถ้ามีประสบการณ์ทำงานจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ด้านการนวดเท้า นวดแผนไทย นวดแก้ปวดเมื่อย
สวัสดิการสำหรับพนักงานนวดแผนไทย
1. การจ่ายค่าตอบแทนพนักงาน มีเงินเดือนประจำให้ 4000 บาท + คอมมิสชั่นจากการนวดชั่วโมงละ 65 บาท และการรันตีรายได้ขั้นต่ำ 8000 บาท/เดือน(หมายความว่าหากรายได้รวมไม่ถึง 8000 บาท ทางร้านก็จะจ่ายให้ขั้นต่ำที่จำนวนนี้)
หมายเหตุ !! ถ้ามีประสบการณ์การทำงาน จะได้รับการปรับรายได้ขั้นต่ำ ขึ้นอยู่ตามประสบการณ์ และความสามารถ
2. โบนัสประจำปี
3. มีชุด Uniform ให้ 2 ชุด
4. 1 อาทิตย์ หยุด 1 วัน
5. เวลางาน 9.30 am. ถึง 10 pm.
ติดต่อ คุณพิมพ์ 087-709-6551 or pimka17@hotmail.com
หรือ ฝากข้อความไว้ที่ 022511288
ใครสนใจลองติดต่อสอบถามกันไปได้นะครับ
ด่วน!!ประกาศรับสมัคร
-แพทย์แผนไทย 2 ตำแหน่ง
-พนักงานนวดเท้า นวดไทย นวดอโรมา 10 ตำแหน่ง
ร้านแถวพระราม 9 ใกล้ห้างสรรพสินค้า Fortune
คุณสมบัติ
1. เพศหญิง/ เพศชาย
2. รับสมัครทั้ง Full-Time/ Part-Time
3. บุคลิกดี และมนุษยสัมพันธ์ดี รักงานบริการ มีความรับผิดชอบ
4. มีใบประกาศการเรียนการนวดแผนไทย
5. ถ้ามีประสบการณ์ทำงานจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ด้านการนวดเท้า นวดแผนไทย นวดแก้ปวดเมื่อย
สวัสดิการสำหรับพนักงานนวดแผนไทย
1. การจ่ายค่าตอบแทนพนักงาน มีเงินเดือนประจำให้ 4000 บาท + คอมมิสชั่นจากการนวดชั่วโมงละ 65 บาท และการรันตีรายได้ขั้นต่ำ 8000 บาท/เดือน(หมายความว่าหากรายได้รวมไม่ถึง 8000 บาท ทางร้านก็จะจ่ายให้ขั้นต่ำที่จำนวนนี้)
หมายเหตุ !! ถ้ามีประสบการณ์การทำงาน จะได้รับการปรับรายได้ขั้นต่ำ ขึ้นอยู่ตามประสบการณ์ และความสามารถ
2. โบนัสประจำปี
3. มีชุด Uniform ให้ 2 ชุด
4. 1 อาทิตย์ หยุด 1 วัน
5. เวลางาน 9.30 am. ถึง 10 pm.
ติดต่อ คุณพิมพ์ 087-709-6551 or pimka17@hotmail.com
หรือ ฝากข้อความไว้ที่ 022511288
ใครสนใจลองติดต่อสอบถามกันไปได้นะครับ
Labels:
ประกาศรับสมัครแพทย์แผนไทย
1/22/2011
ขายกระเป๋าแฟชั่น
"กระเป๋าแฟชั่น"สุภาพสตรี มักจะเป็นของคู่กันซึ่งปัจจุบันนี้ ผู้หญิงหันมานิยมเลือกซื้อกระเป๋าถือและ
กระเป๋าสะพายที่ทำจากวัสดุใยสังเคราะห์และวัสดุที่ไม่ใช่หนังสัตว์มากขึ้น เนื่องจากราคาไม่แพง มีน้ำหนักเบา ทำความสะอาดง่ายอีกทั้งมีรูปแบบและสีสันหลากหลาย ดังนั้นธุรกิจขายกระเป๋าจึงมี ลู่ทางที่สดใส โดยมีร้านกระเป็าอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
กระเป๋าสะพายที่ทำจากวัสดุใยสังเคราะห์และวัสดุที่ไม่ใช่หนังสัตว์มากขึ้น เนื่องจากราคาไม่แพง มีน้ำหนักเบา ทำความสะอาดง่ายอีกทั้งมีรูปแบบและสีสันหลากหลาย ดังนั้นธุรกิจขายกระเป๋าจึงมี ลู่ทางที่สดใส โดยมีร้านกระเป็าอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
อาชีพอิสระที่น่าสนใจวันนี้จึงขอพูดเรื่องการเปิดร้านขายกระเป๋าแฟชั่น เพราะเป็นอาชีพที่สนุกและสนุก และมีรายได้ดี กลุ่มลูกค้าที่มาซื้อ ก็จะเป็นคนทำงาน พนักงานออฟฟิศพอซื้อไป เพื่อนเห็นก็ตาม บอกกันปากต่อปาก ทำให้มีทั้งลูกค้าประจำได้
"กระเป๋าแฟชั่น"ทั่วไปจะเป็น พีวีซี คือ พลาสติกร้อยเปอร์เซ็นต์ กระเป๋าพียู คือ พลาสติกผสมหนัง มีความยืดหยุ่น ความเหนียว ความหนาบางทนมากกว่า ถ้าเป็นพลาสติกอย่าง เดียว เวลาใช้ไปมันจะแตก มันจะร่อนออกไม่ทนนาน ทน แบบจะ กระเป๋าที่ได้รับความนิยม จะเป็นขนาดกลางกึ่งแฟชั่นออฟฟิศ ราคาตั้งแต่ 200 – 3,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกใช้
สำหรับท่านที่อยากจะลองขายกระเป๋าแฟชั่น ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า ชอบหรือเปล่า เรามีความเหมาะสมกับอาชีพค้าขายหรือเปล่า เสร็จแล้วก็ลองสำรวจว่ามีตลาดที่ขายส่งสินตค้าที่ไหนบ้าง
ทำเลค้าขายที่เราจะไปลง มีที่ไหนบ้าง ราคาค่าเช่า เท่าไหร่ ต้องใช้ทุนมากน้อยแค่ไหน แหล่งค้าส่งกระเป๋าราคาถูกใน กรุงเทพฯก้อยู่แถว ตลาดสำเพ็ง ตลาดนัด188
"กระเป๋าแฟชั่น"ทั่วไปจะเป็น พีวีซี คือ พลาสติกร้อยเปอร์เซ็นต์ กระเป๋าพียู คือ พลาสติกผสมหนัง มีความยืดหยุ่น ความเหนียว ความหนาบางทนมากกว่า ถ้าเป็นพลาสติกอย่าง เดียว เวลาใช้ไปมันจะแตก มันจะร่อนออกไม่ทนนาน ทน แบบจะ กระเป๋าที่ได้รับความนิยม จะเป็นขนาดกลางกึ่งแฟชั่นออฟฟิศ ราคาตั้งแต่ 200 – 3,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกใช้
สำหรับท่านที่อยากจะลองขายกระเป๋าแฟชั่น ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า ชอบหรือเปล่า เรามีความเหมาะสมกับอาชีพค้าขายหรือเปล่า เสร็จแล้วก็ลองสำรวจว่ามีตลาดที่ขายส่งสินตค้าที่ไหนบ้าง
ทำเลค้าขายที่เราจะไปลง มีที่ไหนบ้าง ราคาค่าเช่า เท่าไหร่ ต้องใช้ทุนมากน้อยแค่ไหน แหล่งค้าส่งกระเป๋าราคาถูกใน กรุงเทพฯก้อยู่แถว ตลาดสำเพ็ง ตลาดนัด188
หรือจะลองโทรสอบถามขอมูลเพิ่มเติมกับคุณ อรอุมา เพ่งพานิชย์(อ้อม) ซึ่งประกอบอาชีพขายกระเป๋าอยู่แล้ว เพื่อลองติดต่อสอบถามศึกษารายละเอียดการขายกระเป๋าดูได้ ได้ โทร.08-1919-9064
Labels:
กระเป๋าแฟชั่น,
ขายกระเป๋าแฟชั่น
Subscribe to:
Posts (Atom)